14 ปีไฟใต้...แม่ทัพภาค 4 ลั่น "เวลากับใจ" พิสูจน์ใต้สันติสุข!
"ผมไม่ได้พูดแรง ผมพูดธรรมดา เพราะผมเป็นคนพูดอย่างนี้ พูดตรงๆ ฟังได้ก็ฟัง ฟังไม่ได้ก็อย่ามาฟังผม"
เป็นคำอธิบายจากแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช ในประเด็นที่เขาถูกวิจารณ์มากที่สุดหลังจากรับตำแหน่งนี้มาปีเศษ และต้องรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีความอ่อนไหวสูง
แต่คำให้สัมภาษณ์ของเขาแต่ละครั้ง มุ่งโจมตีพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอย่างไม่เกรงใจ เช่น เคยเปรียบเปรยผู้ก่อความไม่สงบว่าไม่ต่างอะไรกับหนูหรือแมลงสาบในบ้าน เหมือนไม่แคร์ว่าคำพูดลักษณะนี้จะเป็นเงื่อนไขการก่อความรุนแรงต่อเนื่องเหมือนกับที่บางฝ่ายกังวล
แต่แม่ทัพภาคใต้คนนี้ก็มีเหตุผลของตนเอง
"ผมพูดเพื่อให้เขาคิด ถ้าพูดธรรมดาเขาก็ไม่ฟัง เข้าหูซ้ายออกหูขวา แต่ถ้าพูดเน้น เขาก็จะฟัง และโกรธหรือเกลียด นั่นคือการโฆษณาของผมอย่างหนึ่ง ก็จะได้จำได้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปคืออะไร เพราะฉะนั้นสิ่งใดที่พูดดี พูดถูก ก็คิดเอาเอง อันไหนที่พูดไม่ดี ไม่ถูก ไม่ชอบ ก็ไม่ต้องฟัง" พล.ท.ปิยวัฒน์ แจกแจง
สถานการณ์ ณ ดินแดนปลายด้ามขวานขณะนี้ แม้จะดีขึ้นมาก และสถิติเหตุร้ายลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ช่วงก่อนปีใหม่ก็เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบหลายครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยเฉพาะเหตุคนร้ายบุกจี้รถทัวร์สายเบตง-กรุงเทพฯ ก่อนไล่ผู้โดยสารลง และจุดไฟเผารถจนวอดทั้งคัน กลายเป็นภาพจำที่น่าสะพรึงกลัวอีกครั้งที่ชายแดนใต้
แต่ในมุมมองของ พล.ท.ปิยวัฒน์ เขากลับยืนยันว่าฝ่ายกองกำลังของรัฐคุมพื้นที่ได้ทั้งหมดแล้ว ส่วนเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นบ้างประปราย เป็นการปลุกระดมเหมือนเด็กช่างกล และลัทธิเลียนแบบ
"บันนังสตาเป็นหมู่บ้านตัวอย่าง แต่ก่อนเป็นพื้นที่สีแดง แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแดงแล้ว ส่วนเด็กรุ่นหลังๆ ก็ถูกปลุกระดมเหมือนเด็กช่างกลว่าต้องไปตีเขา"
"ส่วนเรื่องเผารถทัวร์ ผู้โดยสารบอกเองว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กอายุประมาณ 14-15 ปี จำนวน 6-7 คน ใส่ไอ้โม่ง ที่เหลือมีผู้ใหญ่ล่ำๆ 4-5 คน ก็เป็นลักษณะเหมือนลัทธิเอาอย่าง แต่ตอนนี้ค่อยๆ หมดไปเรื่อยๆ เพราะเราคุมพื้นที่ได้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นบันนังสตาก็ไม่ใช่พื้นที่ที่ถูกจับจ้องเป็นหลัก แต่เนื่องจากบริเวณนั้นมีภูเขาเยอะ ง่ายต่อการหลบหนี บนป่าบนเขา" แม่ทัพภาคที่ 4 อธิบาย
แม่ทัพภาคใต้ยืนยันว่า เป้าหมายของการทำงานที่ต้องสำเร็จอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือการสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" ให้เกิดขึ้นให้ได้
"ทั้งนายกฯ พล.อ.ประวิตร และผู้บัญชาการทหารบก ก็ได้เน้นและสั่งผมลงมาข้างล่าง ให้นโยบายลงมาคือทำพื้นที่ให้ปลอดภัยที่สุด สิ่งที่ผมจะทำก็คือ ต้องทำพื้นที่ปลอดภัยให้ได้ อย่างอื่นคงไม่มีอะไร พื้นที่ปลอดภัยคือภารกิจของเราสำเร็จ"
"เพราะฉะนั้นมีอันเดียวที่จะทำให้สำเร็จคือ ให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้ประชาชน ชาวบ้าน มีอาชีพ รายได้ มีงานทำ เมื่อเขามีตรงนี้แล้ว ความสงบสุขก็จะเกิดขึ้นกับแผ่นดิน และเป็นความสงบสุขที่ยั่งยืนและยืนยาว รองรับกับสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์พระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ 9 เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"
ในมุมมองของ พล.ท.ปิยวัฒน์ ปัจจัยชี้ขาดที่จะทำให้ดินแดนปลายด้ามขวานสันติสุขอย่างยั่งยืน ก็คืองานพัฒนา
"เราเข้าใจมานานแล้ว เข้าถึงเราก็เข้าถึงแล้ว ตอนนี้อยู่ขั้นสุดท้ายคือพัฒนา ให้ประชาชนพัฒนาขึ้นมา ซึ่งประชาชนก็พัฒนากันมาหมดแล้ว เหลืออยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังไม่พัฒนา ซึ่งเขากำลังปรับปรุงในการพัฒนาขึ้นมา บางคนยังมีปมด้อยอยู่ ก็พยายามกดปมด้อยตัวเองว่ายังเก่งอยู่"
"ที่จริงมันไม่มีอะไรเก่ง เดี๋ยวสักพักเมื่อเขาลงมาร่วมพัฒนาหมดแล้ว พวกนี้ก็จะต้องลงมาร่วมพัฒนาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ใจเป็นเครื่องตัดสิน อยากให้จำไว้ 2 อย่าง เวลากับใจ สถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้น" แม่ทัพภาคใต้มั่นใจ
ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันปัญหาภาคใต้ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของทหาร ภายใต้การนำของแม่ทัพภาคที่ 4 คนเดียวอีกต่อไป เพราะมีงานสำคัญอีกสาขาหนึ่ง คือ กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะพูดคุยระดับชาติขึ้นมา นำโดย พล.อ.อักษรา เกิดผล
แต่ในส่วนของกองทัพภาคที่ 4 ก็ดำเนินกระบวนการพูดคุยในระดับพื้นที่เช่นเดียวกัน และ พล.ท.ปิยวัฒน์ มั่นใจว่า สิ่งที่ได้ดำเนินการไปประสบความสำเร็จมากถึง 70%
"ทีมของ พล.อ.อักษรา ทำในระดับรัฐบาล ส่วนของผม กองทัพภาคที่ 4 ทำในระดับท้องถิ่น ในพื้นที่ คงไม่เกี่ยวกัน ถ้าจะให้เปอร์เซ็นต์การทำงาน น่าจะได้ประมาณ 70% ชาวบ้านเริ่มเข้าใจ 80-90% ผู้เห็นต่างหรือผู้หลงผิดก็เข้าใจในความหวังดีของรัฐบาลประมาณ 70% แล้ว"
"คิดว่าได้ผลตอบรับมากเกินร้อย อีกประมาณ 1 เดือนจะมีข่าวดี จะเชิญสื่อไปดูว่ากองทัพภาค 4 ทำอะไรบ้าง ก็ได้จากความร่วมมือของน้องๆ ในพื้นที่ที่ช่วยกันทำ เป็นผลประจักษ์ที่สามารถจับต้องได้ เป็นรูปธรรม ไม่ใช่มโนภาพไปเรื่อยๆ จับต้องไม่ได้"
แม่ทัพภาคที่ 4 ยืนยันทิ้งท้ายว่า สถานการณ์ชายแดนใต้วันนี้ ดีขึ้นมากจริงๆ ตรงกันข้ามกับที่สื่อมวลชนบางแขนงที่พยายามรายงานและให้น้ำหนักเฉพาะความรุนแรงเท่านั้น
"บางสื่อพยายามพูดให้เห็นว่าสถานการณ์ยังรุนแรง ทั้งที่ตัวเองนั่งเขียนข่าวอยู่ที่โต๊ะ เขียนให้รุนแรงเพื่อจะขายข่าว ก็ต้องคิดให้ดี เพราะทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ใช้ความรู้สึกเก่าๆ เขียนข่าวเพื่อขายตัวเอง ให้ตัวเองมีความสำคัญ แต่ประเทศชาติเดือดร้อน อย่างนี้ไม่ได้ อย่าพูดเอาสนุก"
ถือเป็นความมั่นใจแบบเต็มร้อยของแม่ทัพภาคใต้นามว่า พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช สอดคล้องกับ "โรดแมพดับไฟใต้" ของรัฐบาลที่กำหนดไทม์ไลน์เอาไว้ว่า ภายในปี 2562 พื้นที่ชายแดนใต้จะกลับสู่สันติสุข และฝ่ายทหารจะส่งมอบพื้นที่คืนให้กับพี่น้องประชาชน...
เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสงบภายใต้กฎหมายปกติเหมือนพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทย!
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง : อัญชลี อริยกิจเจริญ ผู้สื่อข่าวสายทหาร ทีมล่าความจริง เนชั่นทีวี
ภาพ : ดนุพล นิวาเวศน์ ช่างภาพเนชั่นทีวี
อ่านประกอบ :
เส้นทาง พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพ4 คนใหม่ น้องชายผบ.ทบ.
อ่านความคิด "พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช" 8 เดือนบนเก้าอี้แม่ทัพดับไฟใต้
แม่ทัพภาค 4 ไม่เครียดถูกตั้งค่าหัว 1 ล้าน บอกถูกกว่านกกรงหัวจุก!
รวมวาทะ "แม่ทัพใต้" สะใจหรือจุดไฟขัดแย้ง