รับสอบคดีแชร์ทะลุหลักร้อย! รองอธิบดีDSIชี้สถานการณ์ไทยหนักกว่าตปท.-หยุดยั้งยาก
รองอธิบดีDSI เผยปัญหาการกู้ยืมเงิน -แชร์ สถานการณ์ไทยหนักกว่าตปท. ปัจจุบันรับสอบไว้ยอดทะลุร้อยคดีแล้ว ชี้ติดตาม ยึดอายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องยาก ผู้กระทำความผิดชักชวนเป็นทอดๆ ปราบเท่าไรก็ไม่หมด หันใช้วิธีแก้ปัญหาประชาสัมพันธ์ผ่านแอพพลิเคชั่น-โซเชียลมีเดีย ป้องปรามช่วย
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า การดำเนินงานของดีเอสไอในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา ให้ความสำคัญกับคดีที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินหรือที่เรียกว่า 'แชร์' ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ดีเอสไอรับคดีเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินมามากกว่า 100 คดี และในช่วงปี 2557 เป็นต้นมา ดีเอสไอได้รับสัดส่วนคดีแชร์เข้ามาอีก 20-30 คดี ซึ่งปัญหาการเล่นแชร์ในประเทศไทยนั้นถือว่าหนักกว่าในต่างประเทศมาก และพอหลังจาก คสช. เข้ามาก็ได้ให้ความสำคัญกับปัญหานี้เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ กระทบกับบุคคลหมู่มาก
อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีกับผู้เล่นแชร์นั้นยังมีปัญหาเพราะว่าไม่สามารถติดตาม ยึด อายัดทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งกลุ่มผู้กระทำความผิดนั้นมีการชักชวนเป็นทอดๆ ก็ทำให้เกิดภาพว่าผู้กระทำความผิดนั้นเป็นทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหายไปในตัว
"แม้ว่าที่ผ่านมาดีเอสไอได้ดำเนินคดีกับกลุ่มแชร์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งปัญหาได้อย่างเด็ดขาด ดังนั้นก็เลยใช้วิธีแก้ปัญหาว่าดำเนินคดีควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ผ่านทั้งแอพพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดีย เพื่อเป็นการป้องปราม พยายามทำให้จำนวนคดีแชร์ในสถิตินั้นลดลง ซึ่งนี่รวมไปถึงการฉ้อโกงในคดีคอลเซ็นเตอร์ด้วย เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวทาง คสช.ที่ต้องการจะให้มีการสร้างความรู้กับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อป้องกันจำนวนคดีที่จะเกิด
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ยังระบุด้วยว่า ก่อนที่ คสช.จะเข้ามานั้น คดีพิเศษจะมีจำนวนมากกว่า อาจจะเป็นเหตุผลว่าพอหลังจาก คสช.เข้ามานั้นปัญหาเรื่องความสงบเรียบร้อยภายในประเทศมีจำนวนลดลง ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน ก็อาจจะทำให้คดีลดลง นอกจากนี้นโยบายของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาจนถึงสมัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบัน ที่ต้องการจะลดจำนวนคดีลงมาโดยเพิ่มประสิทธิภาพแต่ละหน่วยงานให้มากขึ้น อาทิ คดีอะไรควรจะเป็นคดีพิเศษ เราก็เลือกที่จะรับมา แม้จะจำนวนไม่มากเรื่องแต่ทำให้มีประสิทธิภาพแทน เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม มีคดีที่จำนวนไม่ลดลงเหมือนกัน เช่นคดีที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งนี่เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการจับกุมกระทำได้ยาก เพราะต้นตออยู่ที่ต่างประเทศ