2 เดือน กับ ตำแหน่ง 'ปธ.คตง.'-พล.อ.ชนะทัพ ยัน นี่ไม่ใช่ยุคมืด สตง.
"...ผมขอบอกว่าตรงนี้ว่านี่ไม่ใช่ยุคมืด แต่เป็นยุคที่ทุกคนตั้งแต่ระดับล่างจะเห็นว่าเราทำอะไร การทำอะไรก็แล้วแต่ จะต้องทำข้อมูลให้ทุกคนได้รู้และได้เห็น ผมพูดกับระดับล่างตลอดว่าจะทำอะไร ไปสำรวจได้เลยระดับล่างกับระดับบน ผมให้ความสำคัญกับทุกคนเท่ากันหมด .."
นับตั้งแต่ พล.อ.ชนะทัพ อินทมาระ เข้ามานั่งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) แม้จะติดยี่ห้อทหารจนถูกมองว่าอาจจะเข้ามาช่วยค้ำยัน 'รัฐบาลลายพราง' ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
แต่บรรดาข้าราชการในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แอบหวังลึกๆว่า 'พล.อ.ชนะทัพ' จะนำทัพสตง.ไปในทางที่ถูกต้อง
ทว่าผ่านไปเพียง 2 เดือน บรรยากาศการทำงานในสตง.กลับมาคุกรุ่น เสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ถูกปล่อยออกมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปล้วงลูกสั่งการการทำงานของเจ้าหน้าที่ ห้ามให้ข้อมูลข่าวสาร การโยกย้ายข้าราชการในตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการตรวจสอบ รวมไปถึงการย้ายพระพุทธรูปประจำสตง.ที่คนในสตง.ต่างเคารพนับถือ ไปประดิษฐานในที่อื่น
ล่าสุด นายพรชัย จำรูญพานิชย์กุล รักษาการผู้ว่าฯสตง. ออกบันทึกแจ้งเวียนคำสั่งเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวการตรวจสอบของสตง. โดยห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบของสตง. ให้สาธารณชนทราบ หากใครฝ่าฝืนมีโทษทางวินัย (อ่านประกอบ : สั่งย้ายทั้งคน-พระ! โวยนโยบายบิ๊กคตง. ล้วงลูกฝ่ายบริหารใช้อำนาจคุม 'สตง.' เบ็ดเสร็จสดจากสตง.! ว่าด้วยยุคมืดแห่งการตรวจสอบทุจริต-เมื่อจนท.ถูกขู่เล่นงานโทษวินัยปมเอกสารหลุด, สั่งย้ายทั้งคน-พระ! โวยนโยบายบิ๊กคตง. ล้วงลูกฝ่ายบริหารใช้อำนาจคุม 'สตง.' เบ็ดเสร็จ)
ล่าสุด สำนักงานข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ชนะทัพ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในทุกประเด็น
นับจากบรรทัดนี้ไป คือ คำตอบจาก 'พล.อ.ชนะทัพ'
@ สาเหตุที่ย้ายพระพุทธรูปประจำสตง. ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของข้าราชการสตง.
- ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ผมไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เป็นแนวคิดของผม ซึ่งทางผู้บริหารภายในสตง.ส่งเรื่องขึ้นมาให้ผมพิจารณา ผมก็ดำเนินการตามที่เขาเสนอมา แล้วที่ตั้งเดิมพระท่านเคยเตือนไว้ว่าที่ตั้งเดิมของพระพุทธรูปประจำสตง.เป็นที่สกปรก เป็นบ่อ ไม่เป็นมงคล ทำให้สตง.เป็นข่าวเป็นคราวไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ก้าวหน้า ผมก็ขยับไปก่อนที่จะนำไปตั้งไว้ที่ใหม่ ทุกคนเขาเข้าใจหมด ผมคุยกับผู้บริหารระดับสูง และระดับล่าง ทุกคนเห็นด้วยหมดเลย
@ คนในสตง.ไม่เห็นด้วย เพราะถือเป็นพระพุทธรูปที่เคารพนับถือมาอย่างยาวนาน
- ผมไม่เห็นมีใครพูด ผมคุยกันแล้วทุกคนเห็นพ้องกันหมด
@ มีเสียงต่อต้านการออกบันทึกแจ้งเวียนคำสั่งเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวการตรวจสอบของสตง. โดยห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบของ สตง. ให้สาธารณชนทราบ
- เราอยากจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด เพราะอยากให้การให้ข่าวต่อสื่อมวลชนมีข้อมูลที่ครบถ้วนมากที่สุด ดังนั้น เราต้องให้ข่าวภายหลังที่คดีถึงที่สิ้นสุดก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีความผิด เราก็แจ้งเตือนไปแล้ว เพราะเกรงว่าจะเสียหาย ทางผู้ตรวจระดับภาคสอบถามมายังผมเกี่ยวกับการให้ข่าว ซึ่งเขาทวงติงมาว่าหากมีการนำเสนอข่าวออกมาก่อนอาจจะถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน เราจึงต้องยึดตามกฎหมาย
@ มีข้อถกเถียงว่าหลายเรื่องที่สตง.ส่งข้อท้วงติงไปยังหน่วยงานราชการ ซึ่งหน่วยงานราชการกลับนิ่งเฉย แต่เมื่อถูกนำเสนอเป็นข่าวออกมาถึงเกรงกลัวว่าจะเกิดการทุจริต
- ผมว่าหน่วยงานราชการเขาไม่นิ่งเฉย เพราะเราดำเนินการอยู่ทุกขั้นตอน ผมหารือผู้รับผิดชอบทั้งหมดแล้ว เขาเห็นด้วยเพราะเขาเกรงว่าระหว่างหน่วยงานด้วยจะทะเลาะกัน หากมีการนำเสอข่าวไปก่อนที่จะมีข้อเท็จจริงสรุปออกมา สื่อก็ต้องเข้าใจว่าเรามีกระบวนการอยู่ เหมือนกับกรณีที่หากนำผลสรุปทางคดีมาเปิดเผยก่อนที่จะมีการตัดสิน แบบนี้มันจะถูกต้องหรือไม่ เพราะจะทำให้เขาเกิดความเสียหาย ผมทำตามขั้นตอนและทำมากกว่าเก่าด้วย ผมสั่งให้ตรวจทุกโครงการที่เห็นว่าจะมีปัญหา ผมก็ให้ลงไปดูในพื้นที่ ผมบอกตลอดว่าการใช้เงินของแผ่นดินจะต้องไม่รั่วไหล ถ้าเกิดมีปัญหาเราก็ต้องดำเนินการ
@ หลังจากนี้หากพบว่ามีใครนำข้อมูลหรือเอกสารไปเผยแพร่ โดยที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคตง.หรือผู้ว่าฯสตง. จะต้องโดนลงโทษทันทีหรือไม่
เราจะพิจารณาเป็นกรณีไป หากเป็นเรื่องไม่สำคัญมาก เราก็จะไม่ดำเนินการ หากเรื่องที่ไหนเราเห็นว่ามีความสำคัญ เราก็จะแจ้งให้ทราบว่า เรื่องเหล่านี้ให้ระมัดระวัง ซึ่งเราจะทำเป็นครั้งๆไป ซึ่งไม่ใช่ว่าเราไม่ให้เอกสารกับสื่อมวลชนเลย เพียงแต่ว่าเราต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในภาพรวม ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาเยอะ
@ เหตุผลหลักการไม่เปิดเผยผลการตรวจสอบที่ระบุว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ทำให้หลายคนสงสัยว่ากระทบอย่างไร
- เราไม่ได้กลัวกระทบต่อหน่วยงาน แต่ระดับผู้ปฏิบัติเขาก็ขอร้องมา เขาบอกว่าถ้าเขาผิดเขาไม่ว่า แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าเขาถูกละ ซึ่งหลังจากนี้มันจะชัดเจนขึ้น อีกอย่างสตง.ก็ไม่มีอำนาจในการพิจารณาลงโทษ เราให้โทษใครไม่ได้ แต่ถ้าเราปล่อยให้มีการนำเสนอข่าวเราก็เหมือนตราว่าเขาผิด และลงโทษเขาไปแล้ว
@ มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคตง.บางคนใช้อำนาจเกินขอบเขต หากสตง.จะตรวจสอบเรื่องอะไร ใช้เจ้าหน้าที่กี่คนก็ต้องสอบถามทั้งหมด
(ตอบสวนทันที) “เขาคงพูดถึงผมมั้ง ผมรู้ว่าคนไหนพูด (หัวเราะ) ผมรู้หมดแหละ แต่ผมไม่ห่วงหรอก ผมทำงานยึดมั่นอยู่แล้ว แล้วผมเป็นคนจริงจัง แล้วเรื่องนี้ผมให้ทางผู้ว่าฯสตง.เป็นคนวางแผน เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีอิสระ โดยให้ยึดตามนโยบายที่คณะกรรมการคตง.กำหนด ซึ่งคณะกรรมการคตง.กำหนดอย่างไรก็ให้ยึดตามนั้น ฉะนั้นหน่วยงานต่างๆหากทำให้เกิดความเสียหายคตง.ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่าเป็นอิสระ แต่กลับถูกบอกว่าผู้ว่าฯสตง.โดนบีบ ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะคตง.ก็ไม่สามารถหยุดทุกอย่างได้”
@ จะบอกว่าสตง.ยังทำงานได้ตามปกติเหมือนที่เคยตรวจสอบโครงการสำคัญๆมาหลายยุคสมัย
- ยังทำงานได้เหมือนเดิม และจะทำงานดีกว่าเดิม เป็นระบบมากกว่าเดิมเยอะ ผมพยายามทำให้ระบบเป็นมาตรฐานมากที่สุด มาตรวจสอบได้หมด ไม่มีหรอกที่จะมาปกปิด ทำอะไรกรรมการคตง.ต้องรู้หมด ที่ผ่านมาคตง.บางคนถามอะไรคนนั้นไม่รู้ คนนี้ไม่รู้ แบบนี้มันจะมีปัญหา ผมเป็นห่วงว่าถ้าเป็นแบบนี้ความยุติธรรมมันจะไม่เกิด
@ เคยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้สั่งให้ตรวจสอบโครงการรัฐน้อยลง เพื่อกระตุ้นให้เม็ดเงินสามารถลงสู่พื้นที่ได้ แต่ผ่านมา 2 เดือนแล้ว กระแสข่าวคตง.ไม่เน้นตรวจสอบงานรัฐบาลก็ยังอยู่
- ผมว่ามันไม่มีนะ ผมตรวจสอบเหมือนกันหมด หากหน่วยงานไหนมีปัญหา ผมตรวจสอบหมด ไม่มีละเว้นอยู่แล้ว แล้วคตง.ก็ต้องออกเสียงร่วมกันในการพิจารณาทุกประเด็น ไม่ใช่ว่าผมจะพูดอะไรแล้วกรรมการคตง.คนอื่น เขาจะเชื่อหรือคล้อยตาม เขาต้องดูเหตุผลกัน เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เราต้องให้เกียรติทุกคน เพราะการทำงานในรูปแบบคณะกรรมการดีกว่าการตัดสินใจของคนคนเดียว
@ วิจารณ์กันหนักว่าคตง.ยุคพล.อ.ชนะทัพ ถือเป็นยุคมืดของการตรวจสอบการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐ
(ตอบสวนทันที) ผมก็ไม่เข้าใจ ผมรู้ว่าใครให้ข่าว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมสื่อสารมาในลักษณะนั้น ที่จริงผมไม่ได้แคร์หรอก เพราะผมบริสุทธิ์ใจ แล้วผมทำงานรับรองได้เลยว่าทำเพื่อประเทศชาติ และประชาชน ผมไม่ได้ต้องการโฆษณาตัวเอง แต่งานด้านต่างๆต้องวัดผลงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้
“ผมขอบอกว่าตรงนี้ว่านี่ไม่ใช่ยุคมืด แต่เป็นยุคที่ทุกคนตั้งแต่ระดับล่างจะเห็นว่าเราทำอะไร การทำอะไรก็แล้วแต่ จะต้องทำข้อมูลให้ทุกคนได้รู้และได้เห็น ผมพูดกับระดับล่างตลอดว่าจะทำอะไร ไปสำรวจได้เลยระดับล่างกับระดับบน ผมให้ความสำคัญกับทุกคนเท่ากันหมด ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีมืด จะเก็บทำ หรือจะเก็บเรื่อง ทุกอย่างมาจากมติทั้งหมด และไม่ใช่มาจากคนคนเดียวด้วย”
ทั้งหมดนี่ คือ คำตอบของพล.อ.ชนะทัพ ต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสำนักงาน สตง. ณ ช่วงเวลานี้