เปิดใจ “บัณฑูร ล่ำซำ” กว่า 20 ปี กับความพยายามเคาะประตูบ้าน จนได้เป็นธนาคารท้องถิ่นในจีน
“พวกเราได้เดินทางไปทั่วประเทศจีน เคาะประตูบานแล้วบานเล่า แต่ก็ไม่พบช่องทางที่เหมาะสม แต่ไม่ถอดใจง่ายๆ อดทนกว่า 20 ปี จนประตูแห่งความโชคดี เปิดต้อนรับในที่สุด ได้เป็นธนาคารท้องถิ่นในจีน ”
ธนาคารกสิกรไทย ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการกำกับดูแลภาคธนาคารของจีน (CBRC) ให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจดทะเบียน (LII) เต็มรูปแบบ ในชื่อ “ไคไท่หยินหาง (จงกั๋ว)” หรือบริษัท ธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) จำกัด โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง พร้อมเครือข่ายบริการ ได้แก่ สาขาเซินเจิ้น (และสาขาย่อยหลงกั่ง) สาขาเฉิงตู สาขาเซี่ยงไฮ้ สาขาฮ่องกง สำนักงานผู้แทน ณ นครปักกิ่ง และสำนักงานผู้แทน ณ เมืองคุนหมิง
ในวันพิธีเปิดธนาคารกสิกรไทย นครเซินเจิ้น 1 ธันวาคม 2560 นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดใจให้สัมภาษณ์คณะสื่อมวลชนไทย ณ ชั้น 59 อาคาร kk100 ธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) จำกัด สำนักงานใหญ่นครเซินเจิ้นว่า กสิกรไทยใช้เวลานานมากกว่าจะถึงวันนี้ กับการมาเปิดธุรกิจที่นี่ในฐานะธนาคารท้องถิ่นในสาธารณรัฐประชาชนจีน
เริ่มตั้งแต่ปี 2537 ธนาคารกสิกรไทย ก่อตั้งสำนักงานผู้แทนแห่งแรกในประเทศจีนขึ้นที่เซินเจิ้น
ต่อมาปี 2538 ได้ก่อตั้งสำนักงานผู้แทนในปักกิ่ง เซียงไฮ้ และคุนหมิง
จนปี 2539 สาขาเซินเจิ้นได้ยกระดับเป็นสาขา
กระทั่งปี 2540 ประเทศไทยประสบวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารกสิกรไทย ได้รับผลกระทบอย่างมากจนต้องปิดสาขาในต่างประเทศหลายแห่ง
"เวลานานมากไม่ใช่เพราะว่า เตรียมตัวหรือไปยื่นคำร้องขออนุญาต แต่เป็นเวลานานที่โลกใช้เวลาในการปรับทิศทาง ซึ่งหากนับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ในภูมิเอเชียยังมองไม่เห็นถึงความเสี่ยง ยังไม่มีการเรียนรู้เกิดขึ้นในเรื่องธุรกิจการเงิน พร้อมกับการรับรู้การเปลี่ยนแปลงของการเมืองระดับโลก แต่จีนใช้เวลา 1 ศตวรรษ กับการกลับมาผงาดอีกครั้ง หลังจากผ่านความล้มเหลวมาแล้วในอดีต จากปี 2540 -2560 เป็นเวลา 20 ปี จีนพิสูจน์ตัวเองแล้วเป็นมหาอำนาจในโลกนี้ จากโลกที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าโลกคนเดียว นี่เป็นโลกที่มีมหาอำนาจหลายประเทศ รวมทั้งความเชื่อมต่อของมนุษย์ประเทศต่างๆ เริ่มไม่มีค่ายแล้ว โดยตัวเชื่อมสำคัญ คือ การค้าขาย เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น เปิดประเทศค้าขาย ประเทศจีนประกาศยกระดับประเทศของตัว จนกระทั่งความยากจนเกือบไม่เหลือ" นี่คือทิศทางการเมืองของโลก ในมุมมองของประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย พร้อมกับเห็นว่า จีนเราเคยมองเป็นประเทศปิด ล้าหลังในทุกด้าน วันนี้ไม่ล้าหลังแล้ว ไทยต่างหากทีต้องระวังที่นับวันมีคนไล่หลัง และแซงเราไป
สำหรับบริบทใหญ่ที่ธนาคารกสิกรไทย มาประเทศจีน เขาบอกว่า กสิกรไทย เป็นแค่เป็นตัวจักรกลของระบบเศรษฐกิจที่พยายามปรับตัวให้ทันโลก โลกของการค้าขาย การลงทุน ธนาคารกสิกรไทยมีทีมพร้อมขั้นหนึ่ง ต่อไปต้องเตรียมทีมมากกว่านี้ในการที่จะเป็นองค์ประกอบตัวหนึ่งของระบบเศรษฐกิจข้ามโลก ข้ามประเทศ ซึ่งประเทศไทยต้องเป็น แบ่งปันความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นด้วย
“กสิกรไทยเป็นความพยายามของเอกชนรายหนึ่งซึ่งศึกษาความเป็นไป รวบรวมทีมงาน องค์ความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ ปรับให้เป็นรูปแบบที่ยืนอยู่ได้ในโลกการค้าขาย เราภูมิใจขั้นหนึ่งที่ได้พัฒนาตัวเองมาถึงจุดนี้ เป็นธนาคารของไทยแห่งที่ 2 ที่ได้ใบอนุญาตที่ทำการค้า"
นอกจากนี้ ผู้บริหารแบงก์กสิกรไทย ยังเห็นว่า แม้กสิกรไทยจะได้ใบอนุญาต แต่ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความสำเร็จ ใบอนุญาต คือ ใบเบิกทางเบื้องต้น ความสำเร็จคือการทำงานอย่างต่อเนื่องทำให้เป็นผู้มีศักยภาพที่จะส่งเสริมระบบการค้าขาย การลงทุนในภูมิภาคนี้ให้ได้
ทั้งนี้ นายบัณฑูร ยังได้เล่าย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปี ช่วงที่วิกฤติปี 2540 ทำให้เขารับรู้ว่า โลกมนุษย์นั้นมีความเสี่ยงเต็มไปหมด โอกาสและความเสี่ยงนั้นมาพร้อมๆ กัน การมีโอกาสแล้วไม่สามารถใช้โอกาสนั้นได้ ก็ถือเป็นความเสี่ยงแบบหนึ่ง เสี่ยงที่จะหลุดโลก หลุดไปข้างหลังตามเขาไม่ทัน
“คนไม่รู้จักเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่ลืมตาดูโลกเขาไปถึงไหน วันหนึ่งก็หยุดอยู่ข้างหลัง”
ส่วนการเป็นธนาคารท้องถิ่นในสาธารณรัฐประชาชนจีน ธนาคารของไทยที่ได้ใบอนุญาตแห่งที่ 2 นั้น ผู้บริหารธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ที่ผ่านมาโดนตรวจสอบไม่รู้จะกี่รอบต่อกี่รอบ โดยสำนักงานควบคุมของประเทศจีน รัฐบาลจีนไม่ปล่อยให้เราหลุดเข้ามาประเทศเขาง่ายๆ หากไม่มีการพิสูจน์ว่า เราทำได้ การเอาความเสี่ยงมาใส่ระบบการเงินของเขาคงไม่มีรัฐบาลไหนอยากให้ใครเข้ามาตั้งธนาคารแล้วมีปัญหา ดังนั้นรัฐบาลจีนต้องแน่ใจทีมงานมือถึงพอ ทดสอบทุกคนที่เป็นผู้บริหาร ระบบไอทีก็ตรวจเข้ม ไม่ผ่านไม่มีได้ใบอนุญาต
“สมัยก่อนการทำธุรกิจธนาคาร เทคโนโลยียังเป็นเรื่องตื้นๆ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมีไม่ถึงขั้นหนึ่ง ถือว่าแพ้เลย คือสินค้าใช้ไม่ได้เลย คนก็ต้องมีความรู้แบบใหม่ๆ คำว่า นักการเงิน ต้องรู้เทคโนโลยี รู้วัฒนธรรม รู้กติกาค้าขายที่โลกเขาทำกัน”
นายบัณฑูร ชี้ว่า ปัจจุบันนี้ จีนยังเป็นแหล่งของความรู้มหาศาล ก้าวหน้าทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีที่ ก้าวหน้ากว่าซีกโลกตะวันออกเสียอีก ซึ่งเห็นได้จากมีซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) ของจีนเกิดขึ้นที่นี่
“เราให้ความสำคัญเชื่อมการเงินกับการค้าเข้าด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องมีตึกเป็นสาขาอย่างเดียว แต่คือการเชื่อมเป็นระบบไอที ระบบไซเบอร์ฯ เป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าของความเป็นการเงิน ไม่มีเงินสด ไม่มีสาขา มีเพียงโทรศัพท์มือถือกับคอมพิวเตอร์ ก็ทำมาค้าขายได้แล้ว” นายบัณฑูร ให้มุมมอง พร้อมกับได้ประเมินการเข้ามาของเทคโนโลยีกับการทำธุรกิจธนาคารด้วยว่า ต่อไปคนจะค้าขายกันรวดเร็วมากขึ้นทางออนไลน์ คนไม่เดินเข้าร้านที่เป็นตึก ไม่ว่าเป็นธนาคาร หรือห้างสรรพสินค้า คนชำระเงิน ชำระเงินทันที ซึ่งถามว่า ประเทศไทยอยู่ตรงนั้นหรือไม่ หากไม่อยู่ตรงนั้นเราก็จบ หากเราไม่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมอันนั้น เราก็จบ หากไม่มีใครเห็นเรา ก็จบ
“วันนี้ไม่มีใครมาธนาคารที่เป็นตึก เป็นอิฐ เป็นปูนแล้ว ทุกคนอยู่บนการตัดสินใจเสี้ยววินาทีของการทำธุรกรรม หากธนาคารกสิกรไทยไม่อยู่ตรงนั้นด้วย ก็จบ เท่านั้นเอง ถึงต้องให้แน่ใจเขาค้าขายกัน เขาซื้ออะไรกัน ในอนาคตให้เขาเห็นเราด้วย ส่วนจะเป็นวิธีไหน ต้องศึกษาอีกที”
ดังนั้น การเข้ามาของกสิกรไทย เพื่อเป็นธนาคารท้องถิ่นในสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงมีนัยสามารถทำธุรกิจอย่างกว้างขวาง การได้รับใบอนุญาตให้ตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจดทะเบียนจะทำให้ธนาคารสามารถให้บริการลูกค้าบรรษัทได้อย่างครบวงจร และสามารถพูดกับลูกค้าได้ว่า หากใช้บริการธนาคารกสิกรไทยไปค้าขายที่ไหนก็ได้
และนี่คือ ก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของธนาคารกสิกรไทย เนื่องจากตลาดจีนมีขนาดใหญ่และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศสูง อีกทั้งยังมีแผนการพัฒนาเศรษฐกิจที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าบรรษัทและลูกค้าบุคคลของธนาคารมากมาย เช่น นโยบาย “One Belt, One Road” และ แผนการพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับคนจีน
ซึ่งในเวทีพิธีเฉลิมฉลอง ธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ นครเซินเจิ้น “บัณฑูร ล่ำซำ” ก็ไ้ดเล่าให้แขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานฟังถึงความพยายามของธนาคารกสิกรไทยที่เริ่มแผนรุกตลาดจีนใหม่ หลังวิกฤติปี 2540 โดยเขาและคณะฯ ต้องเดินทางไปสำรวจตลาดประเทศจีนเรียกว่า เดือนเว้นเดือน เดินทางไปทั่วประเทศจีน เคาะประตูบานแล้วบานเล่า แต่ก็ไม่พบช่องทางที่เหมาะสม
จนวันนี้ ผลของการไม่ถอดใจง่ายๆ อดทนกว่า 20 ปี ประตูแห่งความโชคดี เปิดต้อนรับ ได้เป็นธนาคารท้องถิ่นในจีนในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บัณฑูร ล่ำซำ' ท้ารัฐบาลกล้ารับข้อเสนอปฎิรูป หักดิบโครงสร้างแบบเดิม ๆ