ข้อคิดจากการจากไปของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ
ผมมั่นใจว่า ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ไม่ใช่”นักการเมืองที่ดี”เพียงคนเดียว หรือจะเป็นคนสุดท้ายแต่อย่างใด เรายังมี และจะมีนักการเมืองที่ดีที่เก่งอีกมากมาย และผมเชื่อมั่นตามอย่างท่านที่ว่า ระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น คือคำตอบของความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขที่เราแสวงหา มาร่วมกันส่งเสริมระบอบที่ดี เพื่อให้มีนักการเมืองที่ดี ตามอย่างอุดมการณ์ของท่านกันเถอะครับ ระบอบบิดเบือนที่ผู้ยึดอำนาจทำอยู่ ไม่มีทางที่จะสร้างความเจริญผาสุกที่ยั่งยืนให้ได้หรอกครับ
ระหว่างที่นั่งรถไปและกลับจากบ้านของดร.สุรินทร์ เพื่อไปคารวะร่างของท่านในเช้าวันนี้(1 ธันวาคม 2560)ผมเปิดดูข้อความในFacebook พบว่ามีผู้แสดงความเสียใจ เสียดายในการจากไปของท่านอย่างล้นหลาม และส่วนใหญ่ก็สดุดีชื่นชมในการเป็นคนดี คนเก่ง คนเสียสละ รวมทั้งคุณูปการต่างๆที่ท่านได้ทำไว้ให้กับประเทศ และภูมิภาคอย่างมากมายตลอดมา
ดร.สุรินทร์นั้น เป็นคนที่เชื่อมั่น ยึดมั่น และทุ่มเทชิวิตให้กับ”ประชาธิปไตย”อย่างชัดเจนตลอดมา ท่านมีอาชีพ”นักการเมือง ”มายาวนาน และเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยเท่านั้นคือคำตอบต่อปัญหาทั้งมวล รวมทั้งประชาธิปไตยที่ดีสามารถพัฒนาได้ในทุกๆประเทศทุกมุมโลก
ที่ผมแปลกใจ ก็เพราะพบว่า ในหมู่คนที่โพสต์สดุดีท่านนั้น มีอยู่ไม่น้อยที่เป็นพวก”เหลืองจัด” ที่ปกติจะด่าทอนักการเมืองอย่างสาดเสียเทเสีย จะปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยว่าไม่เหมาะกับประเทศไทย ชื่นชมเผด็จการมากกว่า (ผมใช้คำว่า”มีอยู่ไม่น้อย”นะครับ …ใครไม่ใช่ก็คงไม่เดือดร้อน)
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าทุกคนยอมรับว่า”นักการเมืองที่ดี”นั้นมีอยู่จริง และมีอยู่ไม่น้อยด้วย เพียงแต่นักการเมืองที่ไม่ดีก็คงมีอยู่และในปัจจุบันอาจจะมีมากกว่า …ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ทำไมเราไม่พยายามสร้างระบบนิเวศน์ที่ทำให้นักการเมืองที่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และพยายามกีดกันหรือลดแรงจูงใจให้คนที่ไม่ดีออกจากระบบหรือไม่เข้ามาในระบบ แต่กลับกลายเป็นว่าเราไปตีขลุมไปเลยว่า ต้องไม่ให้นักการเมืองบริหารประเทศ (ซึ่งความจริง ในมุมหนึ่งใครที่บริหารประเทศก็คือเล่นการเมืองนั่นแหละ)
ในเมืองไทยเวลานี้ กลับกลายเป็นพยายามออกกฎกติกาให้นักการเมืองถูกกันออกจากการบริหารประเทศ แล้วให้กลุ่มคนที่ไม่เคยได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนส่วนใหญ่มามีอำนาจปกครองแทน แม้คำถามสองรอบสี่ข้อ หกข้อ ที่แสดงวุฒิภาวะของผู้ถาม และมุมมองที่เขามีต่อวุฒิภาวะของประชาชนผู้ถูกถาม ก็เป็นคำถามที่ชี้นำชัดเจนให้รังเกียจนักการเมือง
เรื่องนี้ …ทำให้ผมย้อนไประลึกถึงเรื่องราวเมื่อกว่ายี่สิบปีก่อน หลังจากที่คุณบรรหาร ศิลปอาชายุบสภาในปี 2539 แล้วจัดให้มีเลือกตั้งใหม่ …สส.หนุ่มดาวรุ่งประชาธิปัตย์ ที่มีดีกรีปริญญาเอกจากฮาร์วาร์ด และเคยเป็นรมช.ต่างประเทศ สุรินทร์ พิศสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะเลิกเล่นการเมืองเพราะการเลือกตั้งบ่อยๆนั้น ทำให้ไม่สามารถรับภาระทางการเงินได้ไหว สงสัยต้องหาอาชีพอื่นเพื่อสร้างตัวสร้างครอบครัวต่อไป
ด้วยความที่ผมก็เป็นชาวนครศรีธรรมราช ที่ถึงจะไม่เคยพบหน้าแต่ก็ติดตามชื่นชมผลงานและวิสัยทัศน์ของท่านมาตลอด ต้องการสนับสนุนให้มีคนดีคนเก่งอยู่ในวงการเมือง ประกอบกับเวลานั้นพอจะสร้างฐานะตั้งตัวได้แล้วพอควร ผมจึงเขียนเช็คสองแสนบาทฝากน้องชาย(นพ.บัญชา) ที่คุ้นเคยกับท่านไปให้ พร้อมกับเขียนจดหมายถึงท่าน บอกว่าถ้าท่านยังยืนยันเลิกเล่นการเมืองก็ขอให้ฉีกเช็คนี้ทิ้งเสีย แต่ถ้าท่านเปลี่ยนใจก็ขอสนับสนุน ผลก็คือท่านส่งใบรับเงินของพรรคมาให้ และก็ลงเลือกตั้ง จนได้เป็นรมต. เป็นเลขาธิการอาเชี่ยน ซึ่งผมก็ติดตามชื่นชมผลงานตลอดมา และโชคดีได้พบปะสนทนากับท่านอีกหลายครั้ง
ผมมั่นใจว่า ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ไม่ใช่”นักการเมืองที่ดี”เพียงคนเดียว หรือจะเป็นคนสุดท้ายแต่อย่างใด เรายังมี และจะมีนักการเมืองที่ดีที่เก่งอีกมากมาย และผมเชื่อมั่นตามอย่างท่านที่ว่า ระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น คือคำตอบของความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขที่เราแสวงหา มาร่วมกันส่งเสริมระบอบที่ดี เพื่อให้มีนักการเมืองที่ดี ตามอย่างอุดมการณ์ของท่านกันเถอะครับ ระบอบบิดเบือนที่ผู้ยึดอำนาจทำอยู่ ไม่มีทางที่จะสร้างความเจริญผาสุกที่ยั่งยืนให้ได้หรอกครับ