การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย เพื่อลงโทษคนโกงได้เร็วและแรง
สามปีมานี้เราได้เห็นมาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดจริงจังมากขึ้นในการเอาคนโกงชาติมาลงโทษ
อย่างเช่น การจัดตั้งศาลคอร์รัปชัน การเพิ่มฐานความผิดและบทลงโทษให้แรงขึ้น การใช้ระบบไต่สวนแทนระบบกล่าวหาในศาล การให้สิทธิประชาชนเป็นผู้ฟ้องร้องดำเนินคดี โดยล่าสุดได้กำหนดให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถพิจารณาคดีลับหลังได้หากจำเลยหลบหนีไป ทำให้เกิดคำถามว่า ประเทศเรากำลังทำในสิ่งที่ขัดกับหลักสากลหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่บ้างหรือไม่
มีหลักกฎหมายอยู่ว่า “การที่คนไม่มาศาล ไม่ได้แปลว่าเขาทำผิด” ดังนั้นการกล่าวหาใครจึงต้องให้สิทธิ์ในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ การกำหนดให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถรับฟ้องและเริ่มพิจารณาคดีได้แม้จะยังไม่ได้ตัวผู้ถูกกล่าวหา จึงถูกวางเงื่อนไขไว้ชัดเจนเพื่อป้องกันมิให้เกิดการกลั่นแกล้ง คือจะทำได้หลังจากที่ศาลประทับรับฟ้องและมีหมายเรียกจำเลยแล้วแต่จำเลยไม่มาศาล ศาลได้ออกหมายจับแต่ก็ยังจับตัวไม่ได้จนล่วงเลยไป 3 เดือนแล้ว “การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย” จึงจะเริ่มขึ้นได้ โดยที่จำเลยยังสามารถใช้สิทธิ์แต่งตั้งทนายความมาสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าตัวจำเลยจะหลบหนีอยู่ในหรือนอกประเทศก็ตาม มีสิทธิ์ในการอุทธรณ์คำพิพากษาทั้งประเด็นกฎหมายและข้อเท็จจริง รวมทั้งยังคงสิทธิ์ขอรื้อฟื้นคดีได้ในอนาคต การปฏิบัติอย่างครบขั้นตอนเช่นนี้เชื่อว่า สอดคล้องกับแนวทางที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสากล (ICCPR) ได้วางไว้ โดยปัจจุบันมาตรการเช่นนี้มีใช้อยู่ในหลายประเทศแล้ว เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐฯ เบลเยี่ยม ฯลฯ
เรื่องนี้ไม่ใช่การออกกฎหมายให้มีผลย้อนหลังไปเอาผิดใคร แต่เป็นการกำหนดวิธีการทำงานของศาลให้สอดคล้องกับความจำเป็นที่ต้องทำคดีให้ต่อเนื่อง ไม่เจออุปสรรคจากเรื่องอายุความและหากยิ่งปล่อยให้เนิ่นนานไปพยานหลักฐานที่มีอาจสูญหายเลอะเลือนได้ โอกาสเอาผิดคนโกงก็จะยิ่งน้อยลงไป หรือแม้จะยังจับตัวไม่ได้แต่อย่างน้อยยังยึดเงินคืนหลวง ยึดทรัพย์ของแผ่นดินคืนมาได้บ้าง จึงเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคมและผู้ที่ได้รับความเสียหาย มาตรการเช่นนี้จึงสร้างเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมว่า ใครก็ตามเมื่อทำผิดจะต้องโดนลงโทษ
การลงโทษคนโกงชาติต้องเร็วและแรง แม้จะฟังดูโหดสักหน่อยแต่ตอนที่ร่ำรวยจากการคดโกงพวกเขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะเดือดร้อน ใครจะเป็นจะตายหรือบ้านเมืองจะฉิบหายแค่ไหน ที่สำคัญคนที่ถูกดำเนินคดีในศาลนี้ต่างก็เป็นรัฐมนตรีและนักการเมืองที่เก่งและแข่งขันกันเข้ามาทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าไปสงสารกันเลย
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก choojaiandfriends