เศร้า! วาฬโอมูระบาดเจ็บ ก่อนเกยตื้นอ่าวปัตตานี
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ย.60 มีเรื่องฮือฮาเกิดขึ้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมี "วาฬ" ขนาดยาวไม่ต่ำกว่า 6 เมตร เกยตื้นอยู่ในอ่าวปัตตานี ท้องที่ ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
ชาวบ้านที่ทราบข่าวพากันไปมุงดูเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกตั้งแต่หลายคนจำความได้ที่มีวาฬมาเกยตื้นที่นี่ เด็กๆ พากันตื่นเต้นและลงไปเล่นกับซากวาฬ ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แหลมโพธิ์ ได้นำรถเครนไปเคลื่อนย้ายซากวาฬ
ต่อมาชาวบ้านได้ช่วยกันลากซากวาฬขึ้นฝั่ง โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง พบว่ามีความยาวถึง 6 เมตร น้ำหนักประมาณ 600-800 กิโลกรัม คาดว่าเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน ตามลำตัวไม่มีบาดแผล จากนั้นทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้แจ้งปลัดอำเภอยะหริ่งให้ประสานไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อนำซากวาฬไปผ่าพิสูจน์
กมลเทพ ชัยสวัสดิ์ นายสัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง บอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ผลการผ่าพิสูจน์เบื้องต้น พบบริเวณหน้าอกของวาฬมีรอยช้ำ อาจเกิดจากอาการบาดเจ็บ และบริเวณปอดมีลักษณะอักเสบ คาดว่าจะป่วยก่อนตาย ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดต้องนำชิ้นเนื้อส่งตรวจด้วยกล้องอีกครั้ง
วาฬตัวนี้เป็นสายพันธุ์ "โอมูระ" จัดเป็นวาฬพันธุ์หายาก แต่ขนาดไม่ใหญ่ ตัวโตเต็มวัยยาวไม่เกิน 11.5 เมตร ชอบกินฝูงปลาเป็นอาหาร การพบวาฬชนิดนี้บริเวณอ่าวปัตตานี บ่งบอกว่าทะเลมีความสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้เคยมีวาฬเกยตื้นบ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ในอ่าวปัตตานี เป็นที่ อ.ระโนด จ.สงขลา สำหรับอ่าวปัตตานีครั้งนี้เป็นครั้งแรก ถือเป็นประวัติศาสตร์ และเป็นการยืนยันความอุดมสมบูรณ์ของอ่าวและท้องทะเลแถบนี้
สอดคล้องกับ สันติ นิลวัตน์ นักวิชาการประมง ที่บอกว่า เป็นครั้งแรกที่พบวาฬในอ่าวปัตตานี ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2553 เคยมีปลาวาฬขนาดใหญ่เกยตื้นที่ อ .สะทิงพระ จ.สงขลา และ ปี 2555 ที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช การที่พบวาฬในอ่าวปัตตานีแสดงให้เห็นว่าอ่าวมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้วาฬมาหาอาหาร
แม้การพบซากวาฬจะเป็นข่าวร้าย เพราะมันน่าจะบาดเจ็บและป่วยก่อนตาย แต่การมีวาฬมาป้วนเปี้ยนในอ่าวปัตตานี ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงระบบนิเวศน์ที่ค่อยๆ ฟื้นตัว คำถามคือเราจะรักษามันไว้ตราบนานเท่านานได้อย่างไร