ยึดประโยชน์สูงสุดราชการ! วินธัย ยันกองทัพเจรจาเอกชนแลกเปลี่ยนซาก ฮ.ล.47 จริง
วินธัย ยันกองทัพเจรจาเอกชนแลกเปลี่ยนซาก ฮ.ล.47 จริง หลังจำหน่ายงดใช้งานอากาศยานรุ่นดังกล่าว เผยดำเนินการมาตั้งแต่ปี 57 ถึง 60 ภายใต้กฎระเบียบ กติกาที่กำหนด ยึดถือปย.ราชการสูงสุด! ยันข้อเสนอตีมูลค่าเป็นเงินเปรียบเทียบสูงกว่าราคากลางที่ตั้งไว้
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข่าวว่า กองทัพบก กำลังดำเนินการกับซากเฮลิคอปเตอร์ ชีนุก จำนวน 6 ลำอีกครั้งด้วยการแลกกับ ฮ.แบบ แบล็คฮอว์ค จำนวน 3 ลำ กับบริษัทในสหรัฐ พร้อมกับเพิ่มเงินอีก 13.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 445.5 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน1 ดอลล่าร์สหรัฐ/33บาท) นั้น (อ่านประกอบ: ด่วนที่สุด! ทบ.เปิดดีล ฮ.ชีนุกชำรุด 6 ลำ แลก แบล็คฮอว์ค บ.สหรัฐ เพิ่มเงิน 13.8 ล.เหรียญ, เปิดหนังสือชง ผบ.ทบ.! แลก ชีนุก-แบล็คฮอว์ค บ.สหรัฐ บิ๊กป้อมไฟเขียว ก่อนสิ้นปีงบฯวันเดียว)
ล่าสุด พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งข้อความข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้ ต่อ สำนักข่าวอิศราว่า โครงการการแลกเปลี่ยนซาก ฮ.ล.47 พร้อมชิ้นส่วน เครื่องมือซ่อมบำรุง และบริภัณฑ์ภาคพื้น กับอากาศยานประเภทอื่น เกิดขึ้นหลังจากที่ ทบ.ได้จำหน่ายงดใช้งานอากาศยานรุ่นดังกล่าวไป อย่างไรก็ตาม ทบ. พยายามดำเนินการเพื่อให้มาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการในเรื่องซากของอากาศยาน ทบ. จึงพิจารณาดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนซาก ฮ.ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงปี 2557 แล้ว ภายใต้กฎระเบียบ และกติกาที่ทางราชกำหนดต่อเนื่องมาจนปี 60
"ล่าสุดยังคงมีผู้ประกอบการที่สนใจ และต้องการที่จะเสนออากาศยานมาแลกเปลี่ยน ซึ่งรายล่าสุดนี้มีข้อเสนอมาให้พิจารณา คิดเปรียบเทียบเป็นมูลค่าทางตัวเงินแล้ว สูงกว่าราคากลางที่ได้กำหนดไว้ และอาจสูงกว่าหลายรายที่เคยเสนอมา ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการดำเนินการ" พ.อ.วินธัยระบุ
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีมีข่าวจากสื่อสังคมออนไลน์ที่กล่าวถึงโครงการนี้ พบว่ามีข้อมูลหลายส่วนคลาดเคลื่อนไป ซึ่งในเรื่องนี้กรณีที่มีบริษัทเอกชนได้แสดงเจตจำนงมาว่าสนใจการแลกเปลี่ยน โดยยื่นข้อเสนอ ขอแลกให้ ฮ.ท.60A มาจำนวน 3 ลำ โดยทาง ทบ.เองไม่มีภาระจะต้องไปจ่ายเพิ่มแต่อย่างใด ซึ่งในเบื้องต้นตีมูลค่าเป็นเงินเปรียบเทียบมาสูงกว่าราคากลางที่ได้ตั้งไว้ ส่วนความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ทบ.ซึ่งการดำเนินการในทุกขั้นตอนก็จะอยู่ในกรอบกฎหมาย ตามระเบียบและข้อกำหนดทางด้านงานพัสดุของทางราชการ