เปิด 9 บัญชีเงินฝาก‘สมบัติ’รวยผิดปกติ เบิกถอนครั้งละ 30 ล.-ที่แท้ที่ปรึกษา‘หมอเลี้ยบ’
พลิกคำพิพากษาศาลฎีกาฯปี 52 คดี‘สมบัติ อุทัยสาง’ อดีต รมช.มหาดไทย ยุครัฐบาลทักษิณ ยื่นเท็จ ป.ป.ช. ซุกเงินฝาก ธอส. 9 บัญชี เงินสะพัด ฝาก-ถอนสูงสุดครั้งละ 30 ล. ก่อนถูกเชือดดาบสอง รวยผิดปกติ 108.5 ล.- ที่ปรึกษา‘หมอเลี้ยบ’รมว.ไอซีที อีกตำแหน่ง
กรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จึงมีมติ ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินของนายสมบัติ อุทัยสาง อดีตประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร) ที่อยู่ในชื่อรายการเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในนามของนางสุจิวรรณ อุทัยสาง คู่สมรส และบุตร 3 คน ที่สาขาคอนแวนต์ และสาขาพุทธมณฑล เป็นทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน รวมมูลค่า 108,574,356.23 บาท (อ่านประกอบ:ป.ป.ช.ฟัน 'สมบัติ' อดีต รมช.มหาดไทย รวยผิดปกติ 108.5 ล.- ซุกเงินฝาก เมีย ลูก)
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า รายละเอียดความเป็นมาของรายการทรัพย์สินดังกล่าวเป็นอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมาเปิดเผย
รายการทรัพย์สินของนายสมบัติที่ไม่แสดงบัญชีเงินฝากของตนหรือคู่สมรสที่อยู่ในชื่อของบุตร หรือที่คู่สมรส มีชื่อร่วมกับบุตร จำนวน 9 บัญชี เพื่อปกปิดจำนวนทรัพย์สินที่แท้จริงของตน ตามที่นายสมบัติถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (คดีหมายเลขดำที่ อม 3/2552 คดีหมายเลขแดงที่ อม 8/2552-วันที่ 25 ก.ย. 2552) พิพากษาว่า จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ
1. บัญชีเงินฝากที่มีชื่อนางบุรณี กาญจนถวัลย์ บุตร เป็นเจ้าของบัญชี และบัญชีเงินฝากที่มีชื่อนางสุจิวรรณร่วมกับนางบุรณี เป็นเจ้าของบัญชี
1.1 เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2540 นางบุรณีเปิดบัญชีเงินฝากประจำกับสาขาคอนแวนต์เลขที่บัญชี 015-21-006615-3 ฝากด้วยเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานพระปิ่นเกล้า ของนางสุจิวรรณ จำนวน 3 ฉบับ เลขที่ 8755464 จำนวนเงิน 11 ล้านบาท เลขที่ 9561367 จำนวนเงิน 11 ล้านบาท และเลขที่ 0957744 จำนวนเงิน 8 ล้านบาท รวม 30 ล้านบาทต่อมาในวันที่ 18 ต.ค.2543 ได้ถอนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 35,833,107.08 บาท ปิดบัญชีนี้ แล้วโอนไปฝากเปิดบัญชีที่สาขาพุทธมณฑล ตาม 1.2 และ 1.3
1.2 บัญชีเงินฝากประจำเลขที่ 030-21-0006376-2 ชื่อบัญชีนางบุรณี กาญจนถวัลย์และ/หรือนางสุจิวรรณ อุทัยสาง จำนวนเงิน 35 ล้านบาท โดยระบุคนหนึ่งคนใดมีอำนาจสั่งจ่าย และปิดบัญชีได้ และมีเงื่อนไขให้โอนดอกเบี้ยเข้าฝากในบัญชีเงินฝากตาม 1.3
1.3 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 030-001246-8 ชื่อบัญชีนางบุรณี กาญจนถวัลย์และ/หรือนางสุจิวรรณ อุทัยสาง จำนวนเงิน 834,107.08 บาท โดยระบุเงื่อนไขการสั่งจ่ายให้คนใดคนหนึ่งสั่งจ่ายและปิดบัญชีได้
2. บัญชีเงินฝากที่มีชื่อนางสุจิวรรณร่วมกับ น.ส. วชิรญา อุทัยสาง บุตรเป็นเจ้าของบัญชี
2.1 เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2540 น.ส. วชิรญาเปิดบัญชีเงินฝากประจำกับสาขาคอนแวนต์ เลขที่บัญชี 015-21-003344-3 ฝากด้วยเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาบางยี่ขัน เลขที่ 414-2449 -จำนวนเงิน 15 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 10 มิ.ย.2541 น.ส.วชิรญาได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจลงนามและเงื่อนไขการสั่งจ่ายโดยเพิ่มผู้มีอำนาจลงนามและสั่งจ่ายอีก 1 คน คือ นางสุจิวรรณ ต่อมาวันที่ 8 ก.พ.2543 นางสุจิวรรณนำเงินเข้าฝากเพิ่มในบัญชีนี้จำนวน 15 ล้านบาท และในวันที่ 12 ก.ย.2543 ได้โอนเงินจากบัญชีนี้จำนวน 19,424,065.07 บาท ไปฝากเข้าบัญชี ตาม 2.2 ส่วนบัญชีนี้ถูกถอนเงินเพื่อปิดบัญชีเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2545 จำนวนเงิน 15,847,039.98 บาท
2.2 สาขาพุทธมณฑล บัญชีเงินฝากประจำเลขที่ 030-21-000615-0 ชื่อบัญชี น.ส.วชิรญา อุทัยสาง หรือนางสุจิวรรณ อุทัยสาง โดยโอนเงินจากบัญชีตาม 2.1 ฝากร่วมกับเช็ค จำนวน 575,935.93 บาท รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท
2.3 ในวันเดียวกับที่เปิดบัญชีเงินฝากตาม 2.2 บุคคลทั้งสองยังได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ที่สาขาพุทธมณฑล เลขที่ 030-13-001231-1 โดยมีเงื่อนไขเพื่อรับโอนดอกเบี้ยจากบัญชีตาม 2.2
3. บัญชีเงินฝากที่มีชื่อนางสุจิวรรณร่วมกับนายพิทย อุทัยสาง บุตร เป็นเจ้าของบัญชี
3.1 เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2541 นายพิทย และนางสุจิวรรณเปิดบัญชีเงินฝากประจำที่สาขาคอนแวนต์ เลขที่ 015-21-10216-1 ชื่อบัญชีนายพิทย อุทัยสาง หรือนางสุจิวรรณ อุทัยสาง ด้วยเงินสดจำนวน 10,000 บาท ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย.2541 นางสุจิวรรณโอนเงินจากสาขาคอนแวนต์บัญชีเลขที่ 015-21-003343-5 ชื่อบัญชีนางสุจิวรรณ อุทัยสาง จำนวน 17,180,239.24 บาทเข้าฝากบัญชีนี้ และบัญชีนี้ถูกถอนเงินเพื่อปิดบัญชีเมื่อวันที่ 12 ก.ย.2543 จำนวนเงิน 296,968.46 บาท
3.2 วันที่ 1 ก.ย.2543 นายพิทย และนางสุจิวรรณ เปิดบัญชีเงินฝากประจำที่สาขาพุทธมณฑล เลขที่ 030 - 21-000606-1 จำนวนเงิน 30 ล้าน บาท โดยเงินฝาก เปิดบัญชีส่วนหนึ่งจำนวน 20 ล้านบาท โอนมาจากบัญชีตาม 3.1 และอีกส่วนหนึ่งฝากด้วยเช็ค ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยถนนสิรินธร เลขที่ 965-418-7 จำนวนเงิน 10 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 12 ก.ย.2543 ได้โอนเงินเข้าฝากเพิ่มเติมในบัญชีนี้อีกจำนวน 20 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่ง เป็นเงินโอน จำนวน 19,782,429.66 บาท และอีกส่วนหนึ่งเป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาบางยี่ขัน เลขที่ 3875296 จำนวนเงิน 217,570.34 บาท
3.3 ในวันเดียวกับที่เปิดบัญชีเงินฝากตาม 3.2 บุคคลทั้งสองยังได้เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่สาขาพุทธมณฑล เลขที่ 030-13-001220-6 ชื่อบัญชีนายพิทย อุทัยสาง หรือนางสุจิวรรณ อุทัยสาง จำนวนเงิน 1,000 บาท เพื่อรับโอนดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากตาม 3.2 โดยยอดเงินในบัญชีเงินฝากที่ไม่ได้แสดงดังกล่าว เฉพาะในกรณีที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี เป็นเงินรวม 106,265,910.92 บาท
นายสมบัติได้ต่อสู้ข้อกล่าวหาว่า เงินในบัญชีเงินฝากทั้ง 9 บัญชี เป็นของบุตร 3 คน ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว เหตุที่มีชื่อนางสุจิวรรณมีชื่อร่วมเป็นเจ้าของบัญชีด้วยเนื่องจากบุตรแต่ละคนจะปลูกสร้างบ้านของตนจึงต้องการให้นางสุจิวรรณช่วยดำเนินการเกี่ยวกับปลูกสร้าง ทั้งหมดมีที่มาจากผลกำไรในการประกอบธุรกิจตั้งแต่ปี 2534 เป็นเงินประมาณ 70 ล้านบาท ศาลฎีกาฯเห็นว่า ฟังไม่ขึ้น แยกไม่ได้ว่าเป็นส่วนของผู้คัดค้านเท่าใดหรือของนางสุจิวรรณเท่าใด ประกอบกับไม่ปรากฏหลักฐานอื่นใดอีกที่พอบ่งชี้ได้ว่าบุคคลทั้งสอง มีส่วนเป็นเจ้าของเงินดังกล่าวเพียงใด จึงรับฟังได้เพียงว่าผู้คัดค้านและนางสุจิวรรณร่วมกันเป็นเจ้าของเงินดังกล่าว
พิพากษาว่า นายสมบัติ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 263 วรรคหนึ่ง และมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ลงโทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุก เห็นสมควรรอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
ทั้งนี้ ตอนรับตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 14 ก.พ.2544 นายสมบัติ แจ้งว่ามีทรัพย์สินของตนเองและภรรยา รวม 154.6 ล้านบาท ตอนพ้นตำแหน่งวันที่ 3 ต.ค.2545 แจ้งว่ามี 153.9 ล้านบาท และตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี จำนวน 155.7 ล้านบาท (ดูตารางประกอบ)
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า นอกจากเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อพ้นตำแหน่ง นายสมบัติได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2545 (ดูเอกสารประกอบ) การดำรงตำแหน่งดังกล่าว เป็นที่มาของกรณีการยื่นบัญชีฯเท็จต่อ ป.ป.ช.
ฉะนั้นคดีนี้ต้องรอดูผลคำตัดสินของศาลฎีกาฯต่อไป
อ่านประกอบ:
บทพิสูจน์นโยบายต้านทุจริตบมจ.สามารถฯกับ ท่าที 'สมบัติ อุทัยสาง' หลังโดนคดียึดทรัพย์108ล.
ป.ป.ช.ฟันซ้ำ!‘เกษม’รวยผิดปกติ 21 ล.ที่ดิน 2 แปลง-หุ้น ส่งศาลฎีกาฯยึดทรัพย์
ทำเนียบ ขรก.รวยผิดปกติ!‘นิพัทธ’49 ล.รายที่ 8 -รอคิว 6 คน ลุ้นคดี‘เสี่ยตือ’ 16 ล.
ศาลฎีกาฯเปิดคำพิพากษาฉบับเต็มคดียึดทรัพย์‘เกษม’168 ล. -ชื่อ 3 บิ๊กธุรกิจโผล่
อุปโลกน์หนี้ 72 ล.! คำพิพากษาชำแหละ ‘เกษม’แจ้งบัญชีเท็จ-รวยผิดปกติ 168 ล.
คุกจริง 1 ปี! 'เกษม' จงใจแจ้งบัญชีเท็จ-ยึดทรัพย์รวยผิดปกติ 168 ล.
ชี้ชะตากรรม นักการเมืองรายที่ 5 ถูกยึดทรัพย์ รวยผิดปกติ 186 ล.?
เปิดชัด ๆ บ.แอสคอนฯ ก่อน‘เกษม’รวยผิดปกติ 186.6 ล. กลุ่ม‘วงศ์สวัสดิ์’ หุ้นใหญ่