'วัชรพล' ยันสอบ'สุขุมพันธ์'คดีไฟ กทม. ขยายผลเรื่องเดิม-เจ้าตัวต้องแจงดำเนินการอย่างไรไปบ้าง
ปธ.ป.ป.ช. ยันสอบ 'สุขุมพันธ์' คดีไฟกทม.39 ล้าน ขยายผลจากเรื่องเดิม ลั่นหากพบมีมูลตามข้อกล่าวหา ต้องแจงว่าดำเนินการอย่างไรไปบ้าง-เผยปีหน้าเร่งเครื่ององค์กรเดินหน้าทำผลงานสร้างศรัทธาความน่าเชื่อถือต่อปชช.
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.60 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ป.ป.ช.มีคำสั่งให้แสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานกรณีกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ระงับยับยั้งหรือตรวจสอบการทุจริตในโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว บริเวณลานคนเมือง กทม.วงเงิน 39,500,000 บาท ว่า เป็นการขยายผลจากเรื่องเดิม จะแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานว่าเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ หากพบว่ามีมูลตามข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะต้องชี้แจงว่าได้ดำเนินการอย่างไรไปบ้าง แต่ในชั้นนี้ยังไม่มีการเชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มาชี้แจงแต่อย่างใด ส่วนคณะอนุกรรมการไต่สวนยังเป็นชุดเดิม ที่มีนางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการภายหลัง ป.ป.ช. มีมติให้สำนักคดียื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใน 3 คดี ที่จำหน่ายออกจากสารบบให้กลับมาพิจารณาใหม่ คือ คดีหวยบนดิน และคดีธนาคารเพื่อการนำเข้าและการส่งออก (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยกู้ให้รัฐบาลเมียนมาวงเงิน 4 พันล้านบาท และคดีรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง กทม.ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนนั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ขณะนี้สำนักคดีคงกำลังดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดอยู่ หากรวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว ก็จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้พิจารณาคดีใหม่ คาดว่าในส่วนนี้จะใช้เวลาไม่นานเพราะเป็นคดีที่ ป.ป.ช.เคยยื่นฟ้องไปแล้ว มีเรื่องเดิมอยู่ ต่อไปก็คงขึ้นอยู่ที่การพิจารณาของศาลฯ
พล.ต.อ.วัชรพล ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จะส่งตัวแทนขอเข้าพบประธาน ป.ป.ช.หรือกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีที่ นปช.เคยทำหนังสือเรียกร้องให้ ป.ป.ช.หยิบยกคดีคดีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 2553 ที่ ป.ป.ช.เคยยกคำร้องไปแล้วขึ้นพิจารณาอีกครั้งนั้น ว่า "เราก็ต้องขอบคุณที่ประชาชนติดตามในเรื่องดังกล่าว แต่เราก็จะต้องพิจารณาในรายละเอียดเรื่องดังกล่าวอย่างรอบครอบ ว่ามีข้อมูลหรือพยานหลักฐานใหม่หรือไม่ เพราะเป็นคดีที่ ป.ป.ช.เคยมีมติไปแล้ว"
พล.ต.อ.วัชรพล ยังระบุด้วยว่า ปีหน้าถือเป็นปีที่สำคัญ เพราะขณะนี้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต ซึ่งมีการเปลี่ยนบริบทการทำงานของป.ป.ช.ขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภารกิจที่อยู่แล้ว แต่เชื่อว่าทางกรรมการป.ป.ช.และเจ้าหน้าที่ทุกคนในปีหน้าจะเร่งเครื่องตัวเองทำงานให้หนักขึ้น มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมมากขึ้น เพื่อสร้างความศรัทธาและความน่าเชื่อถือต่อประชาชน ส่วนความคืบหน้าในการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในชั้นคณะกรรมาธิการฯนั้น มีการพิจารณากันมา 3 สัปดาห์แล้ว โดยมีการวางกรอบเวลาที่ต้องทำให้เสร็จภายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จากนั้นจึงจะนำเข้าที่สู่การพิจารณาของ สนช. ในวาระ2และ3 ช่วงวันที่ 22 ธ.ค. ทั้งนี้นอกจากการหารือในชั้นคณะกรรมาธิการฯแล้ว ยังมีการหารือกันนอกรอบระหว่างคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กับ ป.ป.ช. ในบางประเด็นที่เห็นต่างกัน ซึ่งเราอยากจะให้ได้ข้อยุติเพื่อให้กฎหมาออกมาดี
ส่วนประเด็นเรื่องข้อกำหนดการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช. ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และกฎหมายลูก ให้เปิดเผยโดยสรุป มีหลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการกระทบสิทธิการรับรู้ข้อมูลนั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า "จะต้องพิจารณาว่าลักษณะการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่รัฐธรรมนูญกำหนดนั้นมีหมายความอย่างไร ประชาชนจะเข้ามาตรวจสอบได้แค่ไหน อย่างไร และเราเอาลักษณะการเปิดเผยบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่ทำอยู่แล้วไปเปรียบเทียบให้ได้เห็นภาพ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการฯ ยังสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้งทางคณะกรรมาธิการฯ ก็ได้มีมติให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนพร้อมนำมารวบรวมเพื่อพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งนี้ก็น่าจะยังมีเวลาอีก 1 เดือนในการพิจารณาในรายละเอียดต่างๆ"