เจรจาอยู่นานไร้ข้อยุติ "คิงส์เกต" ยื่นให้ไทยเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ หลังถูกสั่งปิดเหมืองทอง
คิงส์เกต คอนโซลิเดดเต็ด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.อัครา รีซอร์สเซส ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ประกาศเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการกับราชอาณาจักรไทย หลังพยายามหาข้อยุติ ด้านก.อุตฯ แจงที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามกระบวนการ-ขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย ลั่นจะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้น
วันที่ 2 พฤศจิกายน มร. รอส สมิธ-เคิร์ก ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ชี้แจงกรณี บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดดเต็ด จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ประกาศการเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการกับราชอาณาจักรไทย โดยบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย มีใจความว่า
หลังจากใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว บริษัทฯ ไม่สามารถหาข้อยุติในการเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีเหมืองแร่ทองคำชาตรีถูกสั่งระงับการประกอบกิจการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น บริษัทฯ จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการกับราชอาณาจักรไทย ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย เพื่อเรียกร้องให้มีการชดเชยค่าเสียหายอันมหาศาลที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน อันเกิดจากมาตรการของรัฐบาลไทย เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าไปกว่านี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการแต่งตั้งบริษัทกฎหมายชั้นนำอย่าง บริษัท คลิฟฟอร์ด ชานซ์ (Clifford Chance) ให้เป็นตัวแทนในการดำเนินคดีแทนบริษัทฯ และ ดร. แอนดริว เบลล์ เอส. ซี (Dr. Andrew Bell S.C.) ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสสำหรับประเด็นทางกฎหมายดังกล่าว
สำหรับกระบวนการทางกฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่สามารถกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการได้ และอาจมีค่าใช้จ่ายมหาศาลที่บริษัทฯ ต้องรับผิดชอบ ทั้งยังไม่สามารถรับประกันผลการพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า การเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการนั้นยังอนุญาตให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาหารือกันได้เพื่อหาข้อยุติ ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับข้อตกลง ณ เวลาใดก็ตาม ในระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายนี้
คณะกรรมการ บริษัท คิงส์เกตฯ เล็งเห็นว่า ยังคงมีโอกาสในการได้รับการชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากทางราชอาณาจักรไทย และจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อไป
ขณะที่นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ยื่นให้ประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศว่า สืบเนื่องจากประชาชนมีการร้องเรียนและคัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำมาเป็นเวลานานว่า อาจทำให้สิ่งแวดล้อมปนเปื้อน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอาจส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยชุมชนในระยะยาว หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงมีคำสั่งที่ 72/2559 เรื่องการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ให้ระงับการอนุญาตและการทำเหมืองแร่ทองคำทั้งหมด ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว รวมทั้งกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดและจัดให้มีมาตรการเยียวยา แก้ไขผลกระทบด้านต่าง ๆ
"บริษัท คิงส์เกตฯ อ้างว่าได้รับผลกระทบจากคำสั่ง คสช. ดังกล่าว จึงได้ยื่นหนังสือขอปรึกษาหารือกับรัฐบาลไทย เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 โดยอาศัยสิทธิตามความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (Thailand-Australia Free Trade Agreement: TAFTA) ซึ่งอนุญาตให้บริษัทเอกชนของประเทศคู่ค้ามีสิทธิยื่นคำขอปรึกษาหารือเพื่อเจรจาได้โดยตรงกับประเทศคู่ภาคี และล่าสุดคิงส์เกตได้ใช้สิทธิดังกล่าว ยื่นให้คิงส์เกตและประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ"
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด โดยมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าคณะ และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นต้น เพื่อเจรจาและหาข้อยุติอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคณะกรรมการฯ ดำเนินการเจรจาโดยยึดหลักการคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน รวมทั้งให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้อง โดยให้สอดคล้องกับกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการแร่ทองคำใหม่ และพระราชบัญญัติแร่ฉบับใหม่ ที่รัฐบาลได้ยกร่างขึ้นและมีผลบังคับใช้แล้ว
ทั้งนี้ กรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการแร่ทองคำใหม่และพระราชบัญญัติแร่ฉบับใหม่มุ่งหวังให้การทำเหมืองแร่ชนิดต่าง ๆ รวมทั้งเหมืองแร่ทองคำ สนองตอบแนวนโยบายของรัฐในอันที่จะสร้างสมดุลแห่งประโยชน์อันเกิดจากการทำเหมืองทั้งด้านสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้คุ้มค่า และกระจายผลประโยชน์จากการขุดค้นทรัพยากรของชาติให้เป็นธรรม เกื้อหนุนการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งกรอบนโยบายบริหารจัดการแร่ทองคำใหม่และพระราชบัญญัติแร่ฉบับใหม่นี้ จะทำให้การบริหารจัดการ และการกำกับดูแลการดำเนินกิจการเกี่ยวกับแร่ทองคำและแร่อื่น ๆ ของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และรัดกุมมากขึ้นกว่าในอดีต
"กระทรวงอุตสาหกรรมขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเตรียมการสำหรับการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ การเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้ความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ซึ่งมีลักษณะเป็นการหาข้อยุติโดยคณะบุคคลที่สามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันและยอมรับตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในกระบวนการอนุญาโตตุลาการนี้ ทั้งสองฝ่ายยังสามารถดำเนินการเจรจาเพื่อหาข้อยุติที่ยอมรับร่วมกันต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังไม่ได้ยอมรับข้อเรียกร้องของคิงส์เกตอย่างใดทั้งสิ้น"