อีกแปลงที่ดินสาธารณะ!ศาลให้เอกชนแพ้คดี -ดีเอสไอขยับยึด 178 ไร่ริมหาด จ.ภูเก็ต
ดีเอสไอ ทหาร ป่าไม้ ที่ดิน ปกครอง ท้องถิ่น วางกรอบเข้ายึดที่ดิน 178 ไร่ มูลค่า 1.2 หมื่นล. ริมหาดลายัน-เลพัง จ.ภูเก็ต หลังศาลฎีกาพิพากษาเป็นที่ดินสาธารณะ เอกชน 6 รายต้องออกพื้นที่ สู้ยาวนาน 33 ปี ก่อนหน้า บ.อีกรายก็แพ้คดีด้วย
ทีมข่าวพิเศษสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ภายหลังจากที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 4537-4543/2560 ระหว่างโจทก์ร่วมคือ นางอรพรรณ พลอยเพชร นายพิทักษ์ บุญพจนสุนทร บริษัท พังงารีสอร์ท จำกัด กับพวก รวม 6 ราย กับ จังหวัดภูเก็ต กรมที่ดิน นายอำเภอถลาง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กับพวกรวม 7 ราย ในคดีพิพาทที่ดินระหว่างหาดลายัน-เลพัง ม. 4-6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ประมาณ 178 ไร่ ซึ่งศาลฎีกาได้ให้ผู้ครอบครองทั้ง 6 รายย้ายออกจากพื้นที่พิพาทเนื่องจากทางการประกาศเป็นที่สาธารณประโยชน์ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่านับหมื่นล้านบาทตามรายงานข่าวไปแล้วนั้น (อ่านประกอบ:ศาลฎีกาฯให้เอกชนรายใหญ่ออกจากพื้นที่สาธารณะริมหาด จ.ภูเก็ต มูลค่าหมื่นล.)
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 พ.ย. 2560 นี้ ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตึก องค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.) เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผู้อำนวยการสำนักคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับนายมาแอน สำราญ นายก อบต.เชิงทะเล เป็นประธานในการประชุมวางกรอบการปฎิบัติภายหลังจากศาลฎีกาพิพากษาให้ผู้ที่ครอบครองที่ดินในพื้นที่ระหว่างหาดลายัน-เลพัง ม. 4-6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
พ.ต.ท.มนตรี กล่าวในที่ประชุมว่า สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคดีบุกรุกที่ดินรัฐในพื้นที่ชายหาดทะเลที่ต่อเนื่องจากที่ดินเดิมรอยต่อที่ศาลทุจริตพิพากษาจำคุกผู้ต้องหารายสำคัญไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยกรมสอบสวนได้รับการบุกรุกที่ดินรัฐบริเวณนี้ แยกเป็นคดีพิเศษที่ 4 / 2560 และ การประชุมครั้งนี้เพื่อที่จะให้หน่วยงานราชการได้เผยแพร่ความเข้าใจจากคำพิพากษาศาลฎีกา 2 คดี ซึ่งคดีแรกเมื่อ ปี 2558 เป็นคำพิพากษาฎีกาที่ 6251/2558 โดย พิพากษาให้บริษัทเจ้าพญาแลนด์ออกจากพื้นที่ดินที่เป็นของรัฐติดกับที่ดินแปลงที่ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.2560) คือฎีกาที่ 4537-4543/2560ซึ่งคำพิพากษาชัด ว่าที่ดินทั้งหมดทั้ง 178 ไร่เป็นที่ดินรัฐ และเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่ามูลค่าที่ดินในบริเวณนี้หากสามารถออกเป็นเอกสารสิทธิ์ได้มูลค่าสูงถึง ไร่ละประมาณ 70 ล้านบาท จำนวนพื้นที่ที่โจทก์พร้อมรัฐนั้น 178 ไร่ ร่วมเป็นมูลค่ามหาศาลสูงถึงกว่า 12,000 ล้านบาท
“ผมต้องการให้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบทั้งหมดได้แชร์ความเข้าใจเรื่องที่ดินแปลงนี้เท่าๆกัน และ ทำความเข้าใจกับคำพิพากษาพร้อมๆกัน และ ถ้าหน่วยงานรัฐใดไม่เห็นด้วยในการปฎิบัติเพื่อยึดคืนที่ดินจากเอกชนกลับมาเป็นของรัฐในครั้งนี้ขอให้แสดงความคิดเห็นด้วย”พ.ต.ท.มนตรีกล่าวและว่า
คดีที่ศาลฎีกาเดิมได้อ่านคำพิพากษาไปเมื่อ ปี 2558 นั้น ตนได้ติดตามเรื่องนี้จากอัยการจังหวัดภูเก็ต พบว่าอัยการจังหวัดภูเก็ต ได้มีหมายบังคับคดีส่งมายังอำเภอถลางแล้ว และ ขอให้อำเภอถลาง ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นำเสนอเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้มอบอำนาจให้กับอำเภอดำเนินการบังคับคดีต่อไป แต่ในส่วนของคดีอาญา ดีเอสไอถือสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอ เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษแล้ว
“ผมดูจากฐานข้อมูลเดิมในเรื่องนี้ถือว่ามีการต่อสู้กันยาวนานถึง 33 ปี ระหว่างรัฐกับเอกชน ต่อสู้จากการที่เอกชนเอาที่ดินไปออกเอกสารสิทธิ์และมีการเพิกถอน จังหวัดภูเก็ตโดยนายอำเภอถลาง เสนอให้มีการขึ้นทะเบียน เอกชนฟ้องรัฐ และสุดท้ายจนถึงคำพิพากษาฎีกาเมื่อวานนี้”
นายมาแอน กล่าวว่า ต่อไปจะต้องดำเนินการอย่างไรจะขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินตามหนังสือสำคัญที่หลวงได้หรือไม่ ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดำเนินการและ อบต.เองยากที่จะดำเนินการโดยลำพัง และทำอย่างไรจะไม่ให้มีการบุกรุกอีก อาจจะต้องทำรั้วสัญญาลักษณ์กับที่ดินแปลงนี้หรืออาจจะต้องขึ้นป้ายติดกล้องวงจรปิด หรือ มาตรการอื่นๆ เพื่อรักษาที่ดินรัฐแปลงนี้ไว้ให้เป็นมรดกของคนภูเก็ต
ด้านนายยงยุทธ กาญจนานุรักษ์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง กล่าวว่า การดำเนินการขึ้นทะเบียนในที่ดินแปลงนี้ยังไม่จบ ในขั้นตอนต่อไปต้องเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติอนุมัติให้เป็นที่ดินรัฐและประกาศในราชกิจานุเบกษา หลังจากนั้นจึงจะสามารถขึ้นเป็นที่ดินหนังสื่อสำคัญที่หลวง หรือ นสล.ได้
นายศุภชัย สุกใส ผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามการทำลายป่าไม้ภาคใต้ กล่าวว่า เข้าข้อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ปี 2484 ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ต้องมีส่วนในการดำเนินการหากมีการบุกรุกอีก เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็ต้องดำเนินการจับกุม
พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าวว่า ดีเอสไอดำเนินการต่อเนื่องมาจากการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ดินในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เนื่องจากการการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเป็นฐานเดียวกันพฤติกรรมเดียวกันแต่พื้นที่อยู่นอกอุทยาน และพยานหลักฐานที่สอบสวนพบก็ต่อ เนื่อง กัน และเป็นที่ดินงอกในอดีตเป็นที่ทะเลมาก่อน มีสภาพสวยงาม เหมาะที่เป็นที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปอย่างมาก แต่ไม่ควรเป็นที่ดินของเอกชนเพียง เก้ารายสิบราย แต่ควรจะเป็นที่ดินของประชาชนทั้งประเทศ จึงเสนอให้การบุกรุกที่ดินแปลงนี้เป็นคดีพิเศษ
“ถ้าการบุกรุกมีผลสำเร็จจะเกิดความเสียหายต่อรัฐมากเนื่องจากมูลค่าที่ดินสูงมาก และสภาพที่ดิน มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก หากสามารถรักษาไว้ได้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของนักท่องเที่ยวและประชาชนอีกแห่งหนึ่ง ที่สำคัญที่ดินบริเวณนี้ควรเป็นของคนไทยทุกคน”พ.ต.ท.ประวุธ กล่าว