สภาเภสัชกรค้านแพทยสภาดัน กม.วิชาชีพเวชกรรม ให้สิทธิเเพทย์จ่ายยาได้
สภาเภสัชกรรมค้าน ร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ของเเพทยสภา หลังพบมีเนื้อหาล่วงสิทธิประกอบอาชีพเภสัชฯ ให้เเพทย์จ่ายยาได้ ชี้ขัดหลักสากล หวั่นปชช.รับบริการไม่ครบถ้วน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่สภาเภสัชกรรม เภสัชกรวรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร อุปนายกสภาเภสัชกรรมเปิดเผยว่าสภาเภสัชกรรม ได้มีมติ ออกแถลงการณ์สภาเภสัชกรรมเกี่ยวกับการจัดทำร่างพระราช บัญญัติวิชาชีพเวชกรรม ฉบับที่...พ.ศ. ....โดยร่างพระราชบัญญัติที่กำลังจัดทำขึ้นโดยแพทยสภาดังกล่าวมีสาระสำคัญที่ไม่เหมาะสม คือ เป็นการก้าวล่วงสิทธิในการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมโดยที่ระบบบริการสุขภาพได้ออกแบบไว้ให้แพทย์ ตรวจวินิจฉัยเพื่อการรักษาและสั่งใช้ยา และให้เภสัชกรมีหน้าที่จัดและจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วย แต่ในร่างกฎหมายของแพทยสภาได้กำหนดคำว่า”บริบาลเวชกรรม” ที่ครอบคลุม การจัดจ่ายยาและการให้ยา ซึ่งขัดกันกับหลักสากล และจะทำให้ประชาชนได้รับบริการที่ไม่ครบถ้วน
นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรมดังกล่าวยังกระทบสิทธิของประชาชน เช่น เขียนครอบคลุมเรื่อง การเสริมสวยให้อยู่ในขอบเขตวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่มีการจำแนก ทำให้เป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน และ ที่สำคัญ คือ การเขียนนิยามวิชาชีพเวชกรรมที่หมายถึง การบริบาลเวชกรรมและ "การอื่นใด" ซึ่งจะให้อำนาจแพทยสภากำหนดอำนาจอื่นใดเพิ่มเติมก็ได้ สภาเภสัชกรรมและสมาคมวิชาชีพเภสัชกรรมสาขาต่างๆ จึงเห็นตรงกันที่จะออกแถลงการณ์สื่อสารให้สังคมรับทราบว่า การเขียนพระราชบัญญัติวิชาชีพในลักษณะดังกล่าว อาจกระทบต่อสิทธิของประชาชนในการได้รับบริการสุขภาพที่เหมาะสมและถูกต้อง
เภสัชกรจิระ วิภาสวงศ์ ประธานชมรมเภสัชสาธารณสุข ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ กล่าวว่า การออกกฏหมายในลักษณะดังกล่าวจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์เนื่องจากการจัดจ่ายและการให้ยา เป็นบทบาทของวิชาชีพเภสัชกรรมที่จะดูแลเรื่องการใช้ยาให้ดีที่สุดสำหรับประชาชน ปัจจุบันมีปัญหาการใช้ยาที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่เข้าใจวิธีการใช้ การเก็บรักษา คำเตือน ข้อควรระวัง เหล่านี้เป็นบทบาทของเภสัชกรที่จะต้องดูแลให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีหากวิชาชีพแพทย์เขียนกฏหมายในลักษณะดังกล่าว จะลดบริการสุขภาพสำคัญที่ประชาชนจะได้รับและเกิดปัญหาการใช้ยาไม่สมเหตุผลไม่ถูกต้องสวนทางกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่จะทำให้เกิดการใช้ยาที่เหมาะสมในประเทศไทย จึงเห็นควรที่จะคัดค้านกฎหมายดังกล่าว
ขณะที่รองศาสตราจารย์ ดร เภสัชกรหญิง จิราพร ลิมปนานนท์ ในฐานะประธานอนุกรรมการศึกษากฎหมายที่มีผลกระทบต่อวิชาชีพเภสัชกรรม สภาเภสัชกรรมกล่าวว่า ทางสภาเภสัชกรรมได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวโดยจากการ ศึกษาวิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอร่วมกับเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมสาขาต่างๆ จากการศึกษาความคิดเห็นของเภสัชกรจำนวน 1845 คน พบว่า ร้อยละ 94 ไม่เห็นด้วยกับการนิยามวิชาชีพเวชกรรม ในลักษณะที่ครอบคลุมการจัด จ่าย และให้ยา ถือเป็นการออกข้อบังคับที่กระทบต่อวิชาชีพอื่น และการประกอบอาชีพของประชาชน และ ร้อยละ 98 เห็นว่าไม่ควรมีนิยามที่รวมการจัด จ่ายยา และชีววัตถุรวมอยู่ด้วย จึงได้จัดประชุมกับเครือข่ายเภสัชกร และ ออกแถลงการณ์ของอนุกรรมการกฎหมายและเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม คัดค้านในเรื่องดังกล่าว ตลอดจนนำเสนอสภาเภสัชกรรมให้มีมติออกแถลงการณ์ของสภาเภสัชกรรม ทั้งนี้ตนขอเรียกร้องให้เภสัชกรทุกสาขามีความเป็นเอกภาพที่จะทำความเข้าใจร่วมกันและสื่อสารให้ประชาชนและสังคมรับทราบผลกระทบที่จะเกิดขึ้น