ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล : คำสอนในหลวง ร.9 ต้องทำดีและกล้าหาญรักษาความดี
“จะส่งต่อแผ่นดินเน่า ๆ ให้ลูกเราหรือไม่ จะส่งภูเขาไม่มีต้นไม้สักต้นให้ลูกเราหรือไม่ จะส่งลำน้ำที่มีน้ำเน่าให้ลูกเราหรือไม่ กล่าวร้าย ๆ คือ จะส่งความเลวให้ลูกเราหรือไม่ ต่อไปจึงเป็นหน้าที่เรา และไม่ต้องมาถวายพระองค์ ซึ่งเสด็จอยู่เบื้องบนแล้ว แต่จงทำให้ตัวเอง และส่งต่อให้ลูกหลาน พูดให้ทันสมัย คือ การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อประเทศไทยจะได้อยู่ต่อไป บนฐานของคำว่า ประโยชน์สุข ที่พระองค์ฝากไว้”
“ขอบใจนะที่จะมาช่วยฉันทำงาน แต่ฉันขอบอกก่อนว่า มาช่วยฉันทำงาน ไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์กับผู้อื่น”
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ย้อนเล่าวันวานให้ฟังถึงคำสอนวันแรกที่ถวายงานให้แก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในพิธีเปิดนิทรรศการ เรื่อง ความดี ตามพระบรมราโชวาทฯ ณ ลานอีเดน ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-31 ต.ค. 2560
แม้จะเป็น 2-3 ประโยค แต่ในความรู้สึกของผู้ถวายงานอย่างดร.สุเมธ กลับเห็นว่า เป็น 2-3 ประโยค ที่มีคุณค่ามาก เนื่องจากเป็นประโยคที่ช่วยนำทางชีวิตตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงสอน คือ ‘ความสุข’ นั้นมักได้มาจากการกระทำต่อผู้อื่น ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก
“วันนี้เราคงรู้แล้วว่า 70 ปี ที่พระองค์ทรงอุทิศทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งพระวรกาย เพื่อสร้างความสุขให้แก่ผู้อื่นตลอดเวลา โดยไม่คำนึงถึงพระวรกายว่าจะต้องทุกข์ทนทรมานเพียงใด”
ดร.สุเมธ เล่าว่า ตลอดระยะเวลาที่ตามเสด็จ 35 ปี ไม่ว่าจะเป็นฝน แดด หรือถนนหาทางจะทุรกันดารแค่ไหน ไม่มีสิ่งใดมาขวางพระองค์ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า บางครั้งบางคราว เส้นทางเสด็จเป็นเส้นทางที่ปกติไม่มีใครไปกัน แต่พระองค์กลับเลือกที่จะเสด็จไป
นอกจากคำสอนข้างต้นแล้ว พระองค์ยังสอนให้มีความซื่อตรง ซึ่งทรงเน้นมาก จำได้ว่า ส.ค.ส.พระราชทานฉบับแรก ทรงเน้นให้มีความสุจริต จิตใจใสสะอาด ซื่อตรง ส่วนเรื่อง ‘เก่ง’ พระองค์กลับมองเป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่เก่งแล้วต้องดีด้วย เพราะหากเก่งแล้วไม่ดี จะไม่สามารถทำอะไรให้เกิดประโยชน์ได้
ที่สำคัญ ต้องกล้าหาญที่จะรักษาความดีด้วย แม้บางครั้งไปที่ใดอาจพบเจอกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยดี ทำให้บางครั้งกลัวการทำความดี เพราะจะดูเป็นแกะดำ หากไม่ปฏิบัติสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างผู้อื่น ฉะนั้นจึงต้องทำความดีและกล้าหาญที่จะรักษาความดี
เหนือสิ่งอื่นใด ดร.สุเมธ กล่าวว่า มีคำหนึ่งที่ผ่านตาเรามามากมาย แต่เรามักไม่ค่อยรู้ความหมาย นั่นคือ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม” จะเห็นว่า เป็นคำที่เรียบง่าย ลึกซึ้ง และปฏิบัติได้ง่าย พระองค์รับสั่งว่า ธรรมะ ต้องดี และถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมา เรามักพูดว่า ทำถูกกฎหมาย ไม่ได้ทำอะไรผิด ได้ยินทุกวัน แต่สังคมกลับไม่ยอมรับ ฉะนั้น การจะปฏิบัติธรรมนั้น ต้องถามตนเองเสมอว่า “สิ่งที่ทำนั้นดีและถูกต้องหรือไม่ เพราะบางอย่างดี แต่อาจไม่ถูกต้อง
...ที่อ้างว่า “ถูกกฎหมาย แต่ไม่ดี” ไม่ต้องเจียระไน มีให้เห็นอยู่มาก เพราฉะนั้นจะปฏิบัติธรรมต้องอยู่เหนือความดีและความถูกต้อง...
ยิ่งไปกว่านั้นอีก คือ พระองค์ทรงทำให้ดูตลอดเวลา นอกจากคำสอน เรียกว่า ทรงปฏิบัติทุกย่างก้าว ซึ่งพระองค์เคยรับสั่งกับ ดร.สุเมธว่า “มองทุกอย่างที่ฉันทำ จดทุกอย่างที่ฉันพูด สรุปทุกอย่างที่ฉันคิด” นั่นคือความทรงจำ 35 ปี ที่มีโอกาสได้ถวายงาน
ดร.สุเมธ ยังกล่าวถึงอีกหนึ่งจุดเด่นที่พระองค์ทรงปฏิบัติ แต่ยากเหลือเกินที่มนุษย์จะทำได้ นั่นคือ การไม่นึกถึงตนเอง แต่นึกถึงส่วนรวม เกรงอกเกรงใจคนอื่น แม้กระทั่งในเรื่องเล็กน้อย
“หน้าร้อน เดือน เม.ย. ของปีหนึ่ง ปกติพระองค์จะต้องแปรพระราชฐานไปวังไกลกังวล อ.หัวหิน แต่ระยะหลังทำไมยังไม่แปรพระราชฐานเสียที พระองค์บอกว่า อย่าเลย เขาหยุดเทอมกัน ขืนไปจะแย่งน้ำคนอื่นเปล่า ๆ ให้นักเรียนพักผ่อน รอเปิดเทอมแทน”
ดร.สุเมธ กล่าวต่อว่า 13 ต.ค. 2559 คนไทยทุกคนรู้สึกว้าเหว่มาก คล้ายกับหมดหวัง ไม่มีใครทำอีกแล้ว ซึ่งความจริงแล้วไม่มีศาสดาของศาสนาใดที่อยู่กับเราไปตลอด โดยเฉพาะพระองค์ แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือเสียงคำก้องอยู่ในหูที่พระองค์ทรงทำและผ่านสายตาของเราทุกคืนในหน้าจอ
บัดนี้พระองค์ไม่ได้อยู่สอนเราอีกแล้ว ฉะนั้น 66 ล้านคน ควรจะต้องเดินตามรอยพระองค์ และไม่อยากให้เห็นหรือดูโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 4,700 โครงการ เป็นเพียงโครงการฯ เท่านั้น แต่ให้เห็นหรือดูเป็นบทเรียน เหนือสิ่งอื่นใด จะเป็นการถวายพระราชกุศลโดยแท้ จะต้องลงมือปฏิบัติตามที่พระองค์สอน ไล่ตั้งแต่ความดี รักษาปัจจัยชีวิต และสังวรณ์อยู่เสมอ สิ่งที่ทรงถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้เป็นมรดก ให้คนไทยอยู่สบาย ฉะนั้นอย่าลืมภารกิจหน้าที่ของทุกคน นั่นคือ การยกแผ่นดินส่งต่อให้ลูกหลาน
“จะส่งต่อแผ่นดินเน่า ๆ ให้ลูกเราหรือไม่ จะส่งภูเขาไม่มีต้นไม้สักต้นให้ลูกเราหรือไม่ จะส่งลำน้ำที่มีน้ำเน่าให้ลูกเราหรือไม่ กล่าวร้าย ๆ คือ จะส่งความเลวให้ลูกเราหรือไม่ ต่อไปจึงเป็นหน้าที่เรา และไม่ต้องมาถวายพระองค์ ซึ่งเสด็จอยู่เบื้องบนแล้ว แต่จงทำให้ตัวเอง และส่งต่อให้ลูกหลาน พูดให้ทันสมัย คือ การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อประเทศไทยจะได้อยู่ต่อไป บนฐานของคำว่า ประโยชน์สุข ที่พระองค์ฝากไว้” ดร.สุเมธ ฝากข้อคิดทิ้งท้าย .