นายก สภา มน.เรียกถกด่วน!ศาลปค.สั่งเพิกถอน‘กาญจนา’นั่งอธิการฯ ไม่ชอบ กม.
ศาลปกครองพิษณุโลกสั่งเพิกถอนมติสภา มน.ปมเสนอชื่อ‘กาญจนา เงารังษี’ นั่งอธิการฯ ผิดขั้นตอน ไม่ชอบด้วย กม. เหตุไม่แสดงวิสัยทัศน์ ด้าน ‘กระแส ชนะวงศ์’นายก เรียกประชุมด่วนเผยแนวทาง เรียกผู้ได้คะแนนสูง 3 คน แถลงนโยบายด้วยตนเองใหม่
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2560 ศาลปกครองพิษณุโลก ได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ บ. 55/2560 ระหว่างนายรัตนะ บัวสนธ์ ผู้ฟ้องคดี ศาสตราจารย์ พิเศษ กาญจนา เงารังษี ผู้ร้องสอด สภามหาวิทยาลัยฯ ผู้ถูกฟ้องคดี ให้เพิกถอนมติสภาฯและคำสั่ง 4 ข้อ โดยประเด็นเพิกถอนหลัก ขอให้เพิกถอนมติของสภามหาวิทยาลัยฯในการประชุมครั้งที่ 227(2/2560) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2560 ที่เสนอชื่อ ศาสตราจารย์ พิเศษ กาญจนา เป็นผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีและให้ดำเนินการนำเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการเพื่อดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อไป
ศาลปกครองพิพากษาว่า ผู้ถูกฟ้อง คดีมิได้ให้ผู้ร้องสอด (ศาสตราจารย์ พิเศษ กาญจนา เงารังษี) ศ.ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ และ ศ.สมยศ พลับเที่ยง ซึ่งเป็นผู้ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรมการสรรหาฯ ชุดที่ 3 ได้แถลงนโยบายการบริหารงานต่อสภามหาวิทยาลัย ผู้ถูกฟ้องคดี ตามข้อบังคับของสภามหาวิทยาลัย การที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติในการประชุม ครั้งที่ 227(2/2560) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2560 ให้เสนอชื่อ ศาสตราจารย์ พิเศษ กาญจนา ซึ่งได้คะแนนสูงสุด เป็นผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีและให้ดำเนินการนำเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการเพื่อดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อไป
จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ถูกต้อง ตามขั้นตอน และวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น ตามมมาตรา 7 วรรคหนึ่ง (1) แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 จึงพิพากษาให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีในการประชุม ครั้งที่ 227(2/2560) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2560 ในส่วนที่เสนอชื่อให้ผู้ร้องสอด ซึ่งได้คะแนนสูงสุด เป็นผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีและให้ดำเนินการนำเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการเพื่อดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อไป โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติดังกล่าว คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
สำนักข่าวอิศรารายงานว่าเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2560 เว็บไซต์มหาวิทยาลัยนเรศวร เผยแพร่แนวปฏิบัติของสภา มน.ต่อคำพิพากษาของศาลปกครองในคดีดังกล่าว โดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.กระแส ชนะวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุว่าตามที่ศาลปกครองพิษณุโลก ได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ บ. 55/2560 เมื่อวันที่5ต.ค.2560 เนื่องจากมีข้อพิพาทระหว่าง ศาสตราจารย์ ดร.รัตนะ บัวสนธ์ กับสภามหาวิทยาลัย โดยได้ฟ้องศาลปกครองพิษณุโลก ในเรื่องเกี่ยวกับการสรรหาอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ในการดำเนินการสรรหาอธิการบดี ครั้งที่ 2 สภามหาวิทยาลัยมีมติให้ยุติการสรรหา เนื่องจากการให้คะแนนไม่ปกติของกรรมการสรรหาบางคน ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการให้คะแนนไม่ปกติ เนื่องจากเห็นว่า
“...มิได้ใช้ดุลพินิจตามวิจารณญาณของตนให้คะแนนตามคุณลักษณะ 4 ด้าน และ 14 ข้อย่อยตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้แต่อย่างใด หากแต่ให้คะแนนโดยมุ่งประสงค์จะให้ผู้ที่ตนเห็นว่ามีความเหมาะสม สมควรได้รับการพิจารณากลั่นกรองมากที่สุดได้รับการคัดเลือก การให้คะแนนของกรรมการสรรหาฯ (ชุดที่ 2) คนที่ 1 และคนที่ 2 จึงไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณากลั่นกรองผู้เข้ารับการสรรหาที่คณะกรรมการสรรหาฯ (ชุดที่ 2) กำหนด และไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการพิจารณากลั่นกรองเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณลักษณะโดยรวมเหมาะสมที่สุด 3 ลำดับแรก เสนอให้ผู้ถูกฟ้องคดีเลือกเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีต่อไป อันมีลักษณะเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยเหตุผล และทำให้การสรรหาขาดความเที่ยงธรรม หรือไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือข้อบังคับกำหนดไว้...” (หน้าที่ 29 ของคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลก คดีหมายเลขแดงที่ บ. 55/2560 )
2. การที่สภามหาวิทยาลัยแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับฯ เพื่อแก้ปัญหาการสรรหาอธิการบดี ครั้งที่ 2 เนื่องจากการให้คะแนนไม่ปกติ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยที่จะแก้ไขข้อบังคับได้ เนื่องจากเห็นว่า
“…พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ. 2533 มาตรา 14 บัญญัติว่า สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจและหน้าที่ควบคุมกิจการทั่วไป และโดยเฉพาะให้มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ ... (2) วางระเบียบและออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัย... และมาตรา 35 บัญญัติว่า วิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็น ... อธิการบดี ... ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติในการประชุมครั้งที่ 226 (1/2560 ) เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2560 ให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาอธิการบดี พ.ศ. 2559 โดยกำหนดความในข้อ 15 ใหม่ว่า ในกรณีเกิดปัญหาในกระบวนการสรรหาและ/หรือการพิจารณาเลือกผู้สมัครดำรงตำแหน่งอธิการบดีให้สภามหาวิทยาลัยกำหนดวิธีการดำเนินการสรรหาใหม่ เป็นกรณีพิเศษ ตามที่สภามหาวิทยาลัยเห็นสมควร และในวันเดียวกันนั้นผู้ถูกฟ้องคดีโดยนายกของผู้ถูกฟ้องคดีก็ได้ออกข้อบังคับมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาอธิการบดี (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560 ใช้บังคับ จึงเห็นได้ว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีออกข้อบังคับดังกล่าวเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ และแม้การออกข้อบังคับจะมีลักษณะเร่งรีบแต่เหตุดังกล่าวก็มิใช่เหตุที่จะทำให้การกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับเมื่อพิจารณาเนื้อหาของข้อบังคับดังกล่าวก็เป็นเพียงการให้อำนาจผู้ถูกฟ้องคดีที่จะกำหนดวิธีการดำเนินการสรรหาใหม่เป็นกรณีพิเศษได้ในกรณีที่เกิดปัญหาในกระบวนการสรรหาและ/หรือการพิจารณาเลือกผู้สมัครดำรงตำแหน่งอธิการบดีเท่านั้น ซึ่งหากผู้ถูกฟ้องคดีใช้อำนาจตามข้อบังคับดังกล่าว ก็จะต้องใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าผู้ถูกฟ้องคดีใช้อำนาจกำหนดวิธีการดำเนินการสรรหาอธิการบดีเป็นกรณีพิเศษโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ไปว่ากล่าวเอากับการใช้อำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีในส่วนนั้นได้ เมื่อไม่ปรากฏเหตุความไม่ชอบด้วยกฎหมายกรณีอื่น จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีออกข้อบังคับมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาอธิการบดี (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย...” (หน้า 34– 35 ของคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลก คดีหมายเลขแดงที่ บ. 55/2560 )
3. ในการดำเนินการสรรหาอธิการบดีครั้งที่ 3สภามหาวิทยาลัยได้ดำเนินการตามกระบวนการที่กฎหมายและข้อบังคับฯ กำหนดเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีแล้วซึ่งผ่านการกลั่นกรองจำนวน3 ราย ซึ่งได้แก่ ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี ศาสตราจารย์ ดร.ดิเรก ปัทมศิริวัฒน์ และศาสตราจารย์ ดร.สมยศ พลับเที่ยง โดยสภามหาวิทยาลัยได้รับฟังการแถลงนโยบายจากวีดิทัศน์เท่านั้น โดยมิได้มาแถลงนโยบายด้วยตนเองต่อสภามหาวิทยาลัย
นายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวรได้ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อพิจารณาจากคำพิพากษาของศาลปกครองพิษณุโลกแล้ว สภามหาวิทยาลัยจะดำเนินการแจ้งให้ผู้ผ่านการกลั่นกรองผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีข้างต้นทั้ง 3 ราย มาแถลงนโยบายด้วยตนเอง ต่อสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของมหาวิทยาลัยนเรศวรต่อไป
อนึ่ง สภามหาวิทยาลัยนเรศวร จะประชุมสภามหาวิทยาลัย ในวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม 2560 เวลา 09.00น. เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างเร่งด่วน http://www.nu.ac.th/th/news_view.php?n_id=10402&action=view
อ่านประกอบ:
เอื้อ ปย.ใครหรือไม่! คณบดีบัณฑิตฯฟ้องศาล ปค. ถูกเลิกสรรหาอธิการฯ มน.
เรียบร้อย!แพร่มติสภา มน.เคาะชื่อ‘กาญจนา’นั่งอธิการ หลังล้มผล ‘กก.สรรหา’
สั่งล้มสรรหาอธิการฯ มน. อ้างลงคะแนน‘ไม่ปกติ’ อุปนายกให้สภาฯเลือกใหม่
เผยชื่อ 12 คนชิงเก้าอี้อธิการฯ ม.นเรศวร แทน ‘สุจินต์’ หลังนั่งยาว 17 ปี