3พรรคใหญ่เชื่อเลือกตั้งปี’61 ชี้ช่องยืดอายุ คสช.-ขอ‘ทักษิณ-ทหาร’ถอยคนละก้าวเพื่อชาติ
3 พรรคใหญ่ประสานเสียงเชื่อมีเลือกตั้งปี’61 จี้ ‘บิ๊กตู่’ ทำตามสัญญาถึงจะสง่างาม ‘ปริญญา’เผยช่อง คสช. อยู่ยาวต้องตีตก กม.ลูก ‘อนุทิน’ นั่งฝ่ายค้านแน่ถ้า ปชป. จับมือ พท. ขอนักการเมืองอย่าเล่นปลาสองน้ำ ‘คุณหญิงหน่อย’ ลั่นต้องสร้างพรรคการเมืองให้แข็ง ป้องถูกยึดอำนาจอีก
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ผู้เข้ารับการอบรบหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชน ด้านกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ระดับสูง (บสส.) รุ่นที่ 7 สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย จัดสัมมนาสาธารณะเรื่อง ‘โรดแมปไทยไทย ไกลแค่ไหน หรือใกล้เลือกตั้ง?’ มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย และ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน ม.ธรรมศาสตร์ เป็นผู้ร่วมสัมมนา
@พท.-ปชป.-ภท.เชื่อเลือกตั้งปี’61 จี้‘ประยุทธ์’รักษาสัญญา
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่มีใครทราบได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ตาม และยังมีความไม่แน่นอนอีกมากที่จะระบุวันเลือกตั้งที่ชัดเจนได้ เนื่องจากผู้รับผิดชอบบอกว่า ต้องรอหลังกฏหมายลูก (ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ) แล้วเสร็จ แต่ไม่มีใครบอกว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ แต่ถ้ายังไม่มีเลือกตั้งในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ก็เชื่อว่าคนเดือดร้อนไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นประชาชน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ และการลงทุน ที่อาจจะทำให้นักลงทุนไม่กล้าดำเนินการ หรือวางแผนทำอะไร
ส่วนนายองอาจ กล่าวว่า ถ้าดูตามโรดแมปในรัฐธรรมนูญปี 2560 เชื่อว่าอาจมีการเลือกตั้งประมาณเดือน พ.ย. 2561 แต่จะมีจริง ๆ หรือไม่ หากดูจากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องเลือกตั้งสามารถจับใจความประเด็นสำคัญได้หลายครั้ง แต่ครั้งสำคัญคือช่วง พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา ที่ออกมาตั้งคำถาม 4 ข้อว่า หากมีเลือกตั้งจะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ถ้าไม่มีธรรมาภิบาลจะทำอย่างไร เป็นต้น ส่วนอีกประเด็นคือเรื่องปรองดอง เงื่อนไขนี้สำคัญ เนื่องจากคำว่าปรองดองในความหมายของ คสช. ตรงกับความหมายของนักการเมือง พรรคการเมือง หรือประชาชนในกี่มิติ ทำให้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ตกลงจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่
นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่สามารถฟังธงได้ว่าแนวโน้มในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะมีช้าหรือเร็ว ไม่ได้อยู่ที่ คสช. หรืออยู่ที่รัฐบาลเพียงเท่านั้น แต่อยู่ที่ประชาชนด้วย ถ้าประชาชนทั้งประเทศต่างพร้อมใจกันมีฉันทานุมัติไม่ว่าจะเป็นทางการ หรือกระแส เชื่อว่าประชาชนหรือเจ้าของประเทศ ความต้องการของประชาชนอะไรก็ฝืนไม่ได้ และเชื่อว่าไม่ว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือมาโดยการยึดอำนาจก็ตาม จะอยู่ได้ประมาณ 4 ปีเท่านั้น แต่ถ้ามีการยืดไปกว่านี้ มันไม่เวิร์ค ไม่ได้หมายถึงรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นเชื่อว่าการเลือกตั้งถ้าไม่เกิดในปี 2561 อย่างเลวร้ายที่สุดในปี 2562 ต้องเกิด ถ้าไม่เกิดก็ตัวใครตัวมัน แต่หากเกิดขึ้นจริงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 คาดว่าดีที่สุดสำหรับประเทศไทย ส่วนบุคคลที่จะเข้ามาสู่ระบอบการปกครองแบบนี้ต้องอย่าเป็นปลาสองน้ำ อย่าเข้ามาการเมืองในระบอบรัฐสภา ถ้ามาทำงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำให้ครบวาระ เมื่อถึงเวลาระบอบประชาธิปไตย ก็เหมือนน้ำกร่อย ปลาจะอยู่ไม่ได้ จะอยู่น้ำจืดก็อยู่ไป ถึงเวลาน้ำเค็มมาคือปลาทะเลเล่น
“เพื่อไม่ให้ถูกครหา มันจะต้องเกิด พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรักษาโรดแมป ต้องรักษาสัญญา คนอื่นไม่ต้องสน มั่นใจชายชาติทหาร บุคคลระดับรับผิดชอบประเทศขนาดนี้แล้ว มันมีตัวอย่างแล้วว่า ถ้ารักษาสัญญาไม่ได้จะโดนแรงกดดันขนาดไหน ส่วนตัวไม่ห่วงเท่าไหร่ จะทำให้ดีที่สุด ให้กำลังใจหัวหน้า คสช. และนายกฯ เพราะคือคนรับผิดชอบประเทศนี้คนเดียว คนที่เหลือไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเท่าไหร่ และเหมือนมีความหวังจะทำต่อเนื่องอะไรได้” นายอนุทิน กล่าว
@‘ปริญญา’ชี้ช่องโหว่ คสช.อยู่ต่อ ให้ตีตก กม.ลูก
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไม่ได้เขียนในรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า หากร่างกฎหมายลูกไม่เสร็จ จะต้องทำอย่างไรต่อ สมมติตามที่หลายคนพูดว่า ถ้าหากไม่อยากให้มีการเลือกตั้งปี 2561 ทำได้หรือไม่ ในเมื่อโรดแมปเขียนไว้หมดแล้ว ถ้าเป็น คสช. จะด้วยเจตนาดีต่อบ้านเมืองว่า ยังไม่ปรองดอง หรือต้องการอยู่ต่อก็ตาม คือการทำให้กฎหมายลูกไม่ผ่านสักฉบับ จะทำให้โรดแมปขยับไปอีกราว 1 ปี เพราะบทเฉพาะกาลไม่ได้เขียนไว้ว่า ถ้าไม่ผ่านต้องทำอย่างไร หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องตรงนี้จะยิ่งทำให้เขยิบเวลานานเข้าไปอีก
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ คสช. ถือไพ่บนมือถึง 5 หน้า จะเล่นทางไหนก็ได้ อยู่ที่ว่าจะกำหนดอย่างไร อย่างไรก็ดีถ้าประชาชนต้องการให้เลือกตั้ง ต่อไปจะเริ่มมีการเปรียบเทียบกันว่า การเมืองจากการเลือกตั้ง และการเมืองจากรัฐประหารเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพราะที่ผ่านมาหลังเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 ไม่มีรัฐบาลทหารใดอยู่ได้นานเกินปีเศษ แต่ปัจจัยหนึ่งต้องอยู่ที่ฝ่ายการเมืองที่ต้องฟื้นความศรัทธาประชาชนของการเมืองในระบอบประชาธิปไตยกลับมาด้วย และเวลาเกิดปัญหาต้องแก้ไขกันในรัฐสภา ฝ่ายเสียงข้างมากต้องยอมฟังข้างน้อย ฝ่ายเสียงข้างน้อยถ้าแพ้ต้องทำตามกติกา หากทำได้อย่างนี้ เชื่อว่าปี 2561 อาจมีเลือกตั้ง
@‘สุดารัตน์’ปัดนั่งหัวหน้าพรรค-‘เสี่ยหนู’ยันถ้า ปชป.จับมือ พท.ตั้ง รบ.จะเป็นฝ่ายค้านทันที
ส่วนประเด็นความพร้อมเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ประเด็นส่วนตัวที่ถูกพาดพิงมีชื่อเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น ได้คุยกับสมาชิกบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดประชุมพรรคอย่างเป็นทางการได้ แต่เชื่อว่า เป็นเพราะทำงานมานาน คนรู้จักเท่านั้นเอง คนอาจจะยังจำได้ และมีการเอ่ยชื่อถึงเท่านั้น ยืนยันจุดยืนของพรรคว่า จะยึดมั่นและดูแลปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างเข้มแข็ง ไม่ให้เกิดอำนาจอื่นมายึดอำนาจอีก ส่วนประเด็นว่าจะร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองนั้น ก่อนเลือกตั้งสำคัญกว่าหลังเลือกตั้งเพราะมีกติกาต่าง ๆ มากมายที่ออกมาแล้วทำให้การทำงานของรัฐบาลไม่สามารถทำเพื่อส่วนรวมได้ เพราะต้องทำตามยุทธศาสตร์ชาติที่ถ้าไม่ทำก็อาจติดคุก
นายองอาจ กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลแห่งชาติเป็นเรื่องของอนาคต และไม่ว่าสมัยไหนพรรคการเมืองก็ต้องเสนอชื่อหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว แม้ว่าในรัฐธรรมนูญปี 2560 จะมีความพยายามต้องการผลอะไรออกมา แต่หลังจากการเลือกตั้งเท่านั้นที่จะมาบอกได้ว่า รูปแบบของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร
นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีสูตรพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์จับมือกัน พรรคตนจะเป็นฝ่ายค้านทันที ทั้งนี้อย่าโทษว่านักการเมืองคือคนสร้างความวุ่นวาย แต่สาเหตุเกิดจากรัฐประหารเมื่อปี 2549 ทำให้บ้านเมืองอ่อนแอ นักการเมืองถูกตัดสิทธิ์ แล้วมีนักการเมืองรุ่นสอง รุ่นสาม ออกมาแล้วลืมคนเก่า พอมีหัวโขนครอบก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ความขัดแย้งเกิดขึ้น พรรคเดือดร้อน ประชาชนเดือดร้อน กว่านักการเมืองรุ่นเก่าจะโผล่มาได้ก็ 5 ปี แล้วต้องมานั่งรับการรัฐประหารที่ไม่ได้มีส่วนร่วมเลย
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับสูตรที่จะให้ คสช. ไม่ว่าใครก็ตามมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยให้ ส.ว. 250 คนอุ้มมา นั่นคือฝันร้ายตอนกลางวันที่สุด อุ้มมาแล้ววางหายเลย ประคองอยู่ไม่ได้ ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดคือตั้งพรรคการเมืองมาแข่งกัน ทุกคนมีดี ทุกคนรักบ้านเมือง ประชาชนเลือกได้ ยอมรับได้ แต่ขอให้มาในระบบที่อธิบายได้ การเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นง่าย ใครก็เป็นได้ แต่เป็นอย่างสง่างามเป็นที่น่านับถือ หรือคิดให้ดี ใคร ๆ ก็ยอมรับ ขอให้มาในระบบที่มันพอได้
@ขอ‘ทักษิณ-คสช.’ถอยคนละก้าว ทำเพื่อบ้านเมือง
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า เชื่อว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเชื่อว่า จะไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมาก หรือเกิน 376 เสียงอย่างแน่นอน และเชื่อว่าการเมืองแบบไฮบริดคือ ส.ส. มาจากการเลือกตั้ง 500 คน ส.ว. ผู้แทน คสช. อีก 250 คน สองระบบนี้จะตีคู่กันในการเมือง 5 ปีแรก ดังนั้นระบบที่สวนกันแบบนี้คิดว่า 5 ปีแรกจะดีหรือไม่ ประชาชนก็แย่ ดังนั้นทางออกคือควรปล่อยให้ ส.ว. เป็นอิสระ ให้คิดด้วยตัวเองว่า ควรโหวตใครเป็นนายกรัฐมนตรี ควรยกมือเพื่อบ้านเมืองอย่างไร ถ้าหากมีการถอยคนละก้าว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถอยจากพรรคเพื่อไทย ส่วน คสช. ถอยจาก ส.ว. เพื่อให้ทำหน้าที่แก่ปวงชน