สังศิต:คณะกรรมการปฏิรูป ตร. ไร้วิสัยทัศน์ ขาดความกล้าหาญ
...ผมเห็นว่าต้นตอที่ผู้บังคับบัญชาสามารถแทรกแซงงานสอบสวนของตำรวจได้มาจากที่ตำรวจไปรับวัฒนธรรมขององค์กรทหารเข้ามาเป็นของตนเอง ทั้งๆ ที่งานของทหารแตกต่างจากงานของตำรวจ หน้าที่ของทหารคือ การป้องกันประเทศและสู้รบกับอริราชศัตรู แต่งานของตำรวจเป็นการให้บริการแก่ประชาชนเป็นหลัก ดังนั้น การที่คปฎ. กล่าวอ้างว่าจะออกแบบให้ฝ่ายสอบสวนเป็นอิสระจากผู้บังคับบัญชาจึงไม่น่าเป็นไปได้...
อนุสนธิจากการที่คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ (คปฎ.) ได้แถลงเรื่องมติของคปฎ. เมื่อวานนี้ ผมมีข้อสังเกตบางประการดังต่อไปนี้คือ
1.การที่คปฎ. มีมติให้งานสืบสวนและสอบสวนอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป แสดงให้เห็นว่า คปฎ. ยอมรับโครงสร้างและระบบตำรวจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ว่าดีแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไร มติของคปฎ. ในเรื่องนี้จึงเป็นเพียงการให้ความชอบธรรมให้แก่องค์กรตำรวจเท่านั้นเอง
2.การที่คปฎ. กล่าวอ้างว่าจะมีการออกแบบให้งานสอบสวนมีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ และมิให้ผู้บังคับบัญชาฝ่ายตำรวจแทรกแซงการสอบสวนได้ มติของคปฎ. ในเรื่องนี้จึงเป็นการยอมรับงานสอบสวนของตำรวจในปัจจุบันขาดความเป็นอิสระในการทำหน้าที่
ผมเห็นว่าต้นตอที่ผู้บังคับบัญชาสามารถแทรกแซงงานสอบสวนของตำรวจได้มาจากที่ตำรวจไปรับวัฒนธรรมขององค์กรทหารเข้ามาเป็นของตนเอง ทั้งๆ ที่งานของทหารแตกต่างจากงานของตำรวจ หน้าที่ของทหารคือ การป้องกันประเทศและสู้รบกับอริราชศัตรู แต่งานของตำรวจเป็นการให้บริการแก่ประชาชนเป็นหลัก ดังนั้น การที่คปฎ. กล่าวอ้างว่าจะออกแบบให้ฝ่ายสอบสวนเป็นอิสระจากผู้บังคับบัญชาจึงไม่น่าเป็นไปได้
3.หลักการสำคัญของการปฏิรูปตำรวจในครั้งนี้คือ การจัดโครงสร้างและระบบของตำรวจให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนและสุจริตชน แต่มติของคปฎ. ที่ออกมากลับมุ่งรักษาระบบดั้งเดิมของตำรวจไว้ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้แก่สุจริตชนและสร้างความไม่น่าเชื่อถือของคปฎ. ให้ปรากฎขึ้น และ
4.หากคปฎ. ยังทำงานแบบไร้วิสัยทัศน์ ขาดความกล้าหาญทางด้านจริยธรรมและมองไม่เห็นถึงความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและคปฎ. ทั้งคปฎ.และรัฐบาลจะสูญเสียความชอบธรรมทางด้านการเมืองไปพร้อมๆ กัน
จากผมเอง
รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์
คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม
21 กันยายน 2560