ให้เงินคนสยามอินดิก้ายืมชำระค่าข้าวรัฐ! เปิดข้อมูล'น้องเขย'เสี่ยเปี๋ยง ไขปมศาลยกฟ้อง
"..นายสมยศ เบิกความถึงเช็คที่สั่งจ่ายว่า จำเลยที่ 11 หรือ นางรัตนา แซ่เฮง เป็นคนไข้ที่เคยมาขอคำปรึกษาทางแพทย์ที่คลินิกตั้งแต่ปี 2548 ได้ขอยืมเงิน 2 ครั้ง จำนวน 3 ล้านบาท และ 5 ล้านบาท โดยในการกู้ยืมเงินครั้งที่ 2 จำนวน 5 ล้านบาท นายสมยศ ได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ ใส่ซองปิดผนึกฝากไว้ที่เคาน์เตอร์แผนกโสต ศอ นาสิก อย่างไรก็ตาม นายสมยศ ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับจำเลยที่ 7 หรือนายสมคิด เอื้อนสุภา และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อแคชเชียร์เช็คที่นำไปชำระค่าข้าวแต่อย่างใด..."
'นายสมยศ คุณจักร' ปรากฏชื่อเป็นหนึ่งในจำเลยคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือ (จีทูจี) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสิน 'ยกฟ้อง' ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
แต่สาธารณชนอาจจะยังไม่ทราบว่า นายสมยศ คุณจักร เป็นใคร? เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้อย่างไร? และเหตุผลใดศาลถึงตัดสินยกฟ้อง? (อ่านประกอบ : INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบคำพิพากษาศาลฎีกาฯ พบว่า นายสมยศ ประกอบอาชีพรับราชการเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลรัฐชื่อดัง และเปิดคลินิกเชื่อ 'ยศการสหคลินิก'
นายสมยศ มีสถานะเป็นสามีของ นางสุดา คุณจักร น้องสาว นายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า จำเลยอีกรายหนึ่งในคดีนี้
โดยนางสุดา ภรรยาของนายสมยศ เคยปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทสยามอินดิก้า ด้วย
ส่วนความเกี่ยวข้องในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2554 จำเลยที่ 7 หรือ นายสมคิด เอื้อนสุภา นำเช็คธนาคารทหารไทย สั่งจ่ายโดย นายสมยศ จำนวนเงิน 5 ล้านบาท รวมกับเงินสดอื่นอีก 5 ล้านบาท ไปซื้อแคชเชียร์เช็คที่ธนาคาไทยพาณิชย์ เพื่อนำไปชำระค่าข้าวให้แก่กรมการค้าต่างประเทศ
ขณะที่ นายสมยศ เบิกความถึงเช็คที่สั่งจ่ายว่า จำเลยที่ 11 หรือ นางรัตนา แซ่เฮง เป็นคนไข้ที่เคยมาขอคำปรึกษาทางแพทย์ที่คลินิกตั้งแต่ปี 2548 ได้ขอยืมเงิน 2 ครั้ง จำนวน 3 ล้านบาท และ 5 ล้านบาท
โดยในการกู้ยืมเงินครั้งที่ 2 จำนวน 5 ล้านบาท นายสมยศ ได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ ใส่ซองปิดผนึกฝากไว้ที่เคาน์เตอร์แผนกโสต ศอ นาสิก
อย่างไรก็ตาม นายสมยศ ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับจำเลยที่ 7 หรือนายสมคิด เอื้อนสุภา และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อแคชเชียร์เช็คที่นำไปชำระค่าข้าวแต่อย่างใด
และหลังจากกู้ยืมเงินครั้งที่ 2 ผ่านไป2 วัน จำเลยที่ 11 หรือ นางรัตนา แซ่เฮง ได้คืนเงินที่กู้ยืมไปทั้งสองครั้ง โดยโอนเข้าบัญชีของตนเอง
ขณะที่ศาลฯ เห็นว่า จำเลยที่ 11 หรือ นางรัตนา แซ่เฮง เป็นเพียงพนักงานของจำเลยที่ 10 หรือ บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด แม้จะมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ และถือหุ้นจำนวนมาก แต่เป็นการถือหุ้นแทน จำเลยที่ 14 หรือ นายอภิชาต จันทร์สกุลพร
จึงไม่น่าเชื่อว่านายสมยศ จะให้จำเลยที่ 11 หรือ นางรัตนา แซ่เฮง กู้ยืมเงินจำนวนมาก แต่ไม่มีการทำสัญญาหรือวางหลักประกันใดๆ
และที่อ้างว่าได้มีการชำระคืนพร้อมกับหนี้กู้ยืมครั้งแรก รวมจำนวน 8 ล้านบาท ก็เป็นเพียงรายการเดินสะพัดทางบัญชีของนายสมยศ แต่ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าเงินโอนมาจากบัญชีของ จำเลยที่ 11 หรือ นางรัตนา แซ่เฮง จริงหรือไม่ จึงไม่สมเหตุผล ไม่มีหนักหนักให้รับฟังได้
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ได้ความจากทางไต่สวน ไม่พบว่า นายสมยศ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของบริษัทสยามอินดิก้า หรือพนักงานของบริษัท
จึงยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า นายสมยศ ได้ร่วมกระทำความผิดตามฟ้อง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า นางสุดา คุณจักร เคยปรากฏชื่อเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัทสยามอินดิก้า ในช่วงปี 2552 ก่อนที่บริษัทฯ จะแจ้งเปลี่ยนโครงการผู้ถือหุ้นใหม่ เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2556 ภายหลังจากที่โครงการระบายข้าวจีทูจี ถูกตรวจสอบพบปัญหาการทุจริต
โดยปรากฎรายชื่อ บริษัท คาล เอเซีย เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ผู้นำเข้าสว่านไฟฟ้าจากต่างประเทศ เข้ามาเป็นถือหุ้นใหญ่ แทน (อ่านประกอบ :หลักฐานใหม่!หุ้นใหญ่"สยามอินดิก้า"ไม่ได้ทำธุรกิจช่วงปี56 ก่อนโผล่ถือหุ้น 655ล.)
จากนั้น นางสุดา ได้ปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท เอ็มไพร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 แจ้งทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท สำนักงานตั้งอยู่อาคารเลขที่ 48/7-8 ( ชั้น 1,4,5) ซอยรัชดาภิเษก 20 (ซอยรุ่งเรือง) ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจเป็นผู้ถือหุ้นและลงทุนในนิติบุคคลอื่น และประกอบธุรกิจการพัฒนาและจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งให้บริการเป็นที่ปรึกษาและบริหารโครงการ
จากการตรวจสอบยังพบว่า นางสุดา คุณจักร และ นายสมยศ คุณจักร ผู้อำนวยการยศการคลินิก ยังปรากฎชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเอกชนอีก 4 แห่งประกอบไปด้วย
บริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 ทุนปัจจุบัน 75 ล้านบาท สำนักงานที่ตั้งอยู่เลขที่ 48/7-8( ชั้น 1,4,5) ซอยรัชดาภิเษก 20 (รุ่งเรือง) ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจ ให้เช่าและบริการเรือขนส่งสินค้าและอสังหาริมทรัพย์
ปรากฎชื่อนางสุดา คุณจักร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 724,000 หุ้น มูลค่า 72,400,000 บาท นาย สมยศ คุณจักร ถือหุ้นอยู่ จำนวน 25,000 หุ้น
บริษัท ยศการ เฮาส์ แอนด์ เฮลท์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2548 ทุน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 61 ถนนราชดำริห์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ (ห้องพัก) นาย สมยศ คุณจักร ถือหุ้นใหญ่ 25,000 หุ้น มูลค่า 2,500,000 บาท นาง สุดา คุณจักร ถืออยู่ 24,600 หุ้น มูลค่า 2,460,000 บาท นางสาว สุนีย์ จันทร์สกุลพร ถืออยู่ 400 หุ้น มูลค่า 40,000 บาท
บริษัท ภูเก็ต เวิลด์คลาส เมดิคอล สปา จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 59 ถนนราชดำริห์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจกิจการสปา
นาง สุดา คุณจักร ถือหุ้นใหญ่สุด 5,000 หุ้น มูลค่า 500,000 บาท นาย สมยศ คุณจักร ถืออยู่ 4,998 หุ้น มูลค่า 499,800 บาท นางสาว สุธิดา จันทะเอ และ นาย สุหัสน์ คุณจักร ถืออยู่คนละ 1 หุ้นมูลค่า 100 บาท
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าที่อยู่ของ บริษัท เอ็มไพร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เป็นที่อยู่เดิมของบริษัทสยามอินดิก้า และเป็นที่ตั้งบริษัทในเครือข่ายของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร
ส่วนบริษัท ยศการ เฮาส์ แอนด์ เฮลท์ จำกัด และ บริษัท ภูเก็ต เวิลด์คลาส เมดิคอล สปา จำกัด ปรากฎชื่อนางสาว สุธิดา จันทะเอ และนางสาว สุนีย์ จันทร์สกุลพร นามสกุลเดียวกับนายอภิชาติ) เข้าไปร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย
ชี้ให้เห็นว่า แม้นางสุดา คุณจักร จะไม่ได้ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท สยามอินดิก้า แล้ว แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอยู่
อย่างไรก็ตาม นางสุดา คุณจักร มิได้ปรากฏชื่อเป็น 1 ในจำเลยคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีแต่อย่างใด
(อ่านประกอบ : เปิดธุรกิจใหม่"สุดา คุณจักร"หลังทิ้งหุ้นสยามอินฯ655ล.ก่อนสามีโดนคดีข้าวจีทูจี)