เลขาฯศอ.บต.แถลงโต้ข่าว "บิ๊ก" กินไก่วัด "คอรีเยาะ" รุดให้กำลังใจ
ภายหลัง "ทีมข่าวอิศา" เปิดประเด็นหนังสือร้องเรียนกล่าวหาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งลวนลาม และมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับข้าราชการหญิง รวมถึงลูกจ้างที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชานั้น
ล่าสุด วันอังคารที่ 29 ส.ค.60 เลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานแห่งนี้ ได้ออกมาแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมยืนยันว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 2 คนไม่มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา
นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. แถลงว่า หนังสือกล่าวหาตามที่เป็นข่าวนั้น เป็นเพียง "บัตรสนเท่ห์" ที่ไม่มีการลงชื่อผู้ร้องเรียน เนื้อหาอ้างถึงผู้บริหาร ศอ.บต. 2 คนว่ามีปัญหาเรื่องชู้สาว และบังคับให้ลูกจ้างซึ่งเป็นมุสลิมดื่มของมึนเมาในการประชุมที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งไม่เป็นความจริง เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว เคยมีการสอบข้อเท็จจริง แต่ผลสรุปคือไม่มีมูล
"ท่านแรกถูกร้องว่าบังคับให้เด็กมุสลิมดื่มเหล้า และมีการลวนลาม บังคับขู่เข็ญว่าจะย้ายออกจากงาน ก็ไม่เป็นความจริง ผมเองอยากเรียนว่า ศอ.บต.คือหน่วยงานหลัก ที่จะต้องสร้างความเข้าใจ ที่นี่มีการอบรมข้าราชการทุกปี ข้าราชการที่ย้ายมาใหม่หรือมาบรรจุใหม่ก็จะต้องมาอบรมที่นี่ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้มีการสร้างเงื่อนไข เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น การร้องเรียนตามบัตรสนเท่ห์นั้น เป็นการใส่ร้ายกันมากกว่า ส่วนเรื่องที่อ้างว่า ผู้บริหารทั้ง 2 ท่าน มีพฤติกรรม มีภรรยาน้อย ก็ไม่เป็นเรื่องจริง"
เลขาธิการ ศอ.บต.ยังบอกอีกว่า การร้องเรียนครั้งนี้เป็นบัตรสนเท่ห์ ทำให้ข้าราชการดีๆ เสียกำลังใจมาก เพราะต้องเสียเวลาทำงานมาแก้ข่าวที่ไม่เป็นความจริง
"ตามปกติ เรื่องบัตรสนเท่ห์ จะไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่ เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายป้ายสีกัน ส่วนใหญ่จะฉีกทิ้ง เว้นแต่ผู้ที่รับร้องเรียนเห็นว่า เหตุผลที่ร้องเรียนนั้นมีความเป็นไปได้ แต่ผู้ร้องไม่ลงชื่อ เพราะกลัวอิทธิพล จึงจะรับพิจารณา แต่กรณีนี้เป็นการร้องเรียนลอยๆ มากลั่นแกล้ง ทำให้ข้าราชการดีๆ เสียกำลังใจมาก อย่างกรณีมีการร้องเรียนว่าออกจากขนอม (นครศรีธรรมราช) ไปสตูล ก็พบว่าผู้ถูกร้องเรียนก็ไม่ได้เดินทางไป จึงทำให้เชื่อว่าเป็นการใส่ร้ายกันมากกว่า เจตนาให้เกิดความไขว้เขว เสียกำลังใจกันมากกว่า"
เลขาธิการ ศอ.บต.ย้ำด้วยว่า เรื่องนี้ได้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นไปแล้ว ไม่พบข้อมูลความผิดแต่ประการใด แต่หากผู้บังคับบัญชาต้องการให้สอบข้อเท็จจริงใหม่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองก็ยินดีที่จะให้สอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง
หลังจากที่เลขาธิการ ศอ.บต.บอกว่าข้อกล่าวหาแบบลอยๆ นี้ทำให้ผู้บริหาร ศอ.บต.เสียกำลังใจ ปรากฏว่าในวันเดียวกันนี้ น.ส.คอรีเยาะ หะหลี ครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์กรือเซะ ได้เดินทางเข้ามอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจให้กับ นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต.แบบทันทีทันควัน พร้อมระบุว่า "แวะมาให้กำลังใจดาวรุ่ง กรณีข่าวไม่มีที่มา ไม่มีตัวตน เป็นผีคอยมาสร้างความปั่นป่วน สร้างความขัดแย้ง เข้าใจผิด บั่นทอนจิตใจคนที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน"
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบของ "ทีมข่าวอิศรา" พบว่า เอกสารร้องเรียนเรื่องนี้ ถูกส่งถึงหน่วยงานความมั่นคงในส่วนกลาง และทางส่วนกลางได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่ามีมูลพอที่จะสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ เพราะผู้ร้องเรียนอ้างพยานยืนยัน โดยพยานก็เป็นข้าราชการหญิงใน ศอ.บต. มีการระบุชื่อ-สกุลชัดเจน และ "ทีมข่าวอิศรา" ได้ตรวจสอบไปยัง ศอ.บต.แล้ว ก็ได้รับคำยืนยันว่าข้าราชการหญิงผู้นี้มีตัวตนจริง และพร้อมเป็นพยาน
นอกจากนั้น ในหนังสือร้องเรียนระบุชื่อข้าราชการชายมามากกว่า 2 คน มีระดับผู้อำนวยการกองด้วย แต่เลขาธิการ ศอ.บต.ชี้แจงยืนยันเพียง 2 คนเท่านั้น ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของ ศอ.บต. นอกจากนั้นยังมีข้อกล่าวหาเรื่องการใช้งบประมาณฟุ่มเฟือย จัดประชุมนอกสถานที่บ่อยๆ และนำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ส่วนตัวด้วย แต่ประเด็นเหล่านี้ท่านเลขาฯไม่ได้ชี้แจง
--------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : คอรีเยาะ หะหลี มอบช่อดอกไม้ให้รองเลขาธิการ ศอ.บต. นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์
อ่านประกอบ : สั่งสอบปมร้องเรียน "นาย" ลวนลามลูกน้องที่ ศอ.บต. - ผู้บริหารโต้ "ป้ายสี"