ศาลปค.ยกฟ้อง 'สหวิริยา' ขอเพิกถอนคำสั่งระงับ นส. 3ก รุกป่าสงวน จ.ประจวบฯ
ศาลปกครองกลางยกฟ้อง บ.สหวิริยา ขอให้เพิกถอนคำสั่ง-คำวินิจฉัยอุทธรณ์ ปมระงับออก น.ส.3ก 52 แปลง ทับป่าสงวนฯ ‘ป่าคลองแม่รำพึง’ จ.ประจวบฯ ชี้คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน- รองปลัด มท. ชอบด้วยกม.
วันที่ 29 ส.ค. 2560 ที่ศาลปกครองกลาง ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ 1265,1335/2553 ระหว่าง บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวก รวม 8 คน ผู้ฟ้องคดี นายสมหวัง พิมสอ ที่ 1 กับพวก รวม 33 คน ผู้ร้องสอด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาบางสะพาน ที่ 1 กับพวก รวม 3คน ผู้ถูกฟ้องคดี ในคดีเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเครืออุตสาหกรรมเหล็กสหวิริยา จำนวน 52 แปลง ที่ทับพื้นที่ป่าชายเลนสาธารณะ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งแปดฟ้องว่า คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ที่เพิกถอนและให้แก้ไขเนื้อที่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 52 ฉบับ ของผู้ฟ้องคดีทั้งแปด และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของรองปลัดกระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งแปด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว
ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่เจ้าพนักงานที่ดินฯ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ได้ออก น.ส. 3 ก. ทั้ง 52 ฉบับ ให้แก่บุคคลที่ไม่สามารถออก น.ส. 3 ก. ให้ได้ และยังเป็นการออก น.ส. 3 ก. ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ น.ส. 3 ก. ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่เพิกถอนและให้แก้ไขเนื้อที่ใน น.ส. 3 ก. จำนวน 52 ฉบับ ของผู้ฟ้องคดีทั้งแปด และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งแปด จึงชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินบริเวณนี้ที่ปรากฏตัวตนชัดเจนก่อนวันที่ พ.ร.ฎ. กำหนดป่าคลองแม่รำพึงให้เป็นป่าคุ้มครองฯ มีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2484 ดังนั้น ที่ดินภายในแนวเขตแผนที่ท้าย พ.ร.ฎ. จึงเป็นเขตป่าคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.2484 เป็นต้นมา หลังจากนั้น เมื่อ พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2497 ก็ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดแจ้งการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินบริเวณพิพาทที่อยู่นอกแนวเขตแผนที่ท้าย พ.ร.ฎ. ต่อนายอำเภอบางสะพาน
ทั้งไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดที่ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินบริเวณดังกล่าว มานำหรือส่งตัวแทนมานำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการสำรวจรังวัดที่ดินในการเดินสำรวจรังวัดเพื่อออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ซึ่งต่อมาเมื่อมีการออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 165(พ.ศ. 2509)ฯ กำหนดให้ป่าคลองแม่รำพึงภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2510 จึงมีผลให้ที่ดินในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ ซึ่งมีเขตพื้นที่ครอบคลุมทับที่ดินในแนวเขตป่าคุ้มครองเดิม ตามแผนที่ท้าย พ.ร.ฎ. กลายเป็นป่าสงวนแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2510 เป็นต้นมา อันเป็นที่ดินมีลักษณะต้องห้ามมิให้ออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินทุกประเภท .