จารึกชื่อไว้ในแผ่นดิน!บทสุดท้ายอัยการชี้ ‘ปู’ลอยตัวเหนือปัญหาทั้งที่ชาติเสียหายไม่ได้
“…หากนักการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหา โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของฝ่ายปฏิบัติ ฝ่ายบริหารซึ่งมีหน้าที่สำคัญแจ้งชัดไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ก็จะกลายเป็นว่านายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศ คณะรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง หรือผู้นำองค์กร จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไรก็ได้ตามอำเภอใจ ไม่ต้องรับผิดในผลใด ๆ ของการบริหารหรือการปฏิบัติงานของตนเองที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายต่อชาติบ้านเมืองยิ่งนัก…”
วันที่ 25 ส.ค. 2560 คือวันที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยจะต้องบันทึกไว้ เนื่องจากเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
สำหรับข้อเท็จจริงทางคดีที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยรายงานแล้วว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องตกที่นั่งลำบากอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และฝ่ายพนักงานอัยการ กล่าวหาว่าเกิดการกระทำที่ไม่ชอบมาพากลในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ขึ้น ซึ่งการระบายข้าวแบบจีทูจีดังกล่าว เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของโครงการรับจำนำข้าว ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จำเป็นต้องรับผิดชอบด้วย (อ่านประกอบ : ไม้ตายสุดท้ายอัยการ!เปลือยจีทูจีเก๊-ไม่สอบ 'เสี่ยเปี๋ยง'ชนวนเอาผิด‘ปู’ ไม่ยับยั้งทุจริต)
อย่างไรก็ดีฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงนักการเมืองซีก ‘สีแดง’ และนักวิชาการ-มวลชนหลายฝ่าย ต่างเห็นว่า การฟ้องคดีดังกล่าวอาจไม่เป็นธรรมต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ไม่สามารถยุติได้ และที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือชาวนาให้ได้รับผลประโยชน์เป็นจำนวนมาก ปัญหาการขาดทุนไม่สามารถนำมาคำนวณได้ เพราะเป็นโครงการสาธารณะ ที่สำคัญประเด็นการทุจริต หรือความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ในโครงการนี้ รวมถึงการระบายข้าวแบบจีทูจี เป็นเรื่องของฝ่ายปฏิบัติ รวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองเคยสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ หมดแล้ว
แต่ฝ่ายพนักงานอัยการไม่เห็นด้วยตามนั้น ?
อย่างไร สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานคำแถลงปิดคดีฝ่ายพนักงานอัยการ ที่กล่าวถึงประเด็นข้อต่อสู้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองโดยชอบแล้วจริงหรือไม่ สรุปได้ ดังนี้
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อวันที่ 9-10 ต.ค. 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าวปรากฏตามคลิปวีดีโอถึงประเด็นการระบายข้าวแบบจีทูจี เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งหมดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงแล้ว วิญญูชนทั่วไปย่อมเข้าใจได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เห็นสัญญาจีทูจีและยืนยันรับรองว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีจริง การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เบิกความตอบโจทก์ว่า ไม่ได้พูดเพื่อสื่อความหมายออกมาเช่นนั้น หาฟังขึ้นไม่ เพราะเมื่อพิจารณาจากบริบทของการตอบและการถามของนักข่าวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้ว ไม่มีทางฟังเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกเสียจากฟังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับรองความชอบของจีทูจีต่อประชาชนคนทั้งประเทศว่า รัฐบาลมีการซื้อขายจีทูจีจริงแท้แน่นอน ทั้งที่ความจริงสวนทางกัน
ส่วนที่เบิกความว่า คลิปดังกล่าวถูกตัดต่อทำนองว่าไม่เป็นความจริงนั้น ก็เป็นการเบิกความที่เลื่อนลอย ไร้เหตุผล ทำนองพูดไปเพื่อเอาตัวรอดในศาลเท่านั้น เพราะ บก.ข่าวการเมือง สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เจ้าของคลิปดังกล่าว ได้เบิกความยืนยันต่อศาลอย่างหนักแน่นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงข่าวตามถ้อยคำดังกล่าวจริง ผ่านการตรวจสอบของพยานตามหลักวิชาชีพมาเป็นอย่างละเอียดรอบคอบ และ บก.ข่าวการเมืองดังกล่าว ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาก่อน จึงเชื่อว่า คลิปวีดีโอและรายงานการถอดเทปสัมภาษณ์ดังกล่าว เป็นความจริงทุกประการ
นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงในสภาและพูดในที่ประชุม กขช. ว่าต้องโปร่งใส แต่ในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีของรัฐบาลที่ต้องกระทำโดยโปร่งใสตามที่พูดไว้นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับเบิกความว่า มีหน่วยงานของรัฐขอให้ปกปิดข้อมูล โดยมีเป็นมติคณะรัฐมนตรีออกมาเมื่อปี 2556 แต่เมื่อฝ่ายพนักงานอัยการยื่นบัญชีระบุพยานไปเพื่อให้การไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความจริงมากที่สุด กลับปรากฏข้อเท็จจริงจากหนังสือของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามที่ศาลมีคำสั่งเรียกแล้ว ปรากฏว่าไม่มีเอกสารหลักฐานดังกล่าว
แสดงให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดกลับไปกลับมาจนหาความจริงอันใดมิได้ ส่อไปทางทำนองโกหกประชาชนคนทั้งประเทศ ปกปิดข้อเท็จจริง และปิดกั้น หรือบล็อคการตรวจสอบ เพื่อปิดบังอำนาจการทุจริตอย่างแยบยล มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางไม่สุจริตไม่โปร่งใสตามคำพูดอันเป็นสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ต่อประชาชน ต่อมายังปรากฏข้อเท็จจริงว่าหลังการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านเมื่อปี 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ปล่อยให้มีการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีที่ทุจริตต่อไปอีก 4 สัญญา มูลค่าประมาณหลายแสนล้านบนาท ปริมาณข้าวสารรวม 14 ล้านตัน
จากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนทั้งหมด พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำฟ้องของโจทก์ (พนักงานอัยการ) จึงฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกเสียจากต้องฟังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน กขช. เป็นเจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่ปฏิบัติราชการตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารแผ่นดินฯ และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีหน้าที่เป็นประธาน กขช. มีหน้าที่โดยเฉพาะหรือโดยตรงในการกำหนดนโยบายการติดตามกำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบายมาตรการและโครงการที่อนุมัติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ใช้นโยบายรับจำนำข้าว 15,000 บาท และ 20,000 บาท อันเป็นนโยบายประชานิยมหาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2554 ตามที่นายทักษิณของจำเลยวีดีโอลิงค์หรือโฟนอินมาจากต่างประเทศ จนเป็นผลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้มาซึ่งอำนาจรัฐจัดตั้งรัฐบาล
หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เร่งดำเนินนโยบายดังกล่าวโดยรวบข้าวส่วนใหญ่เข้ามาอยู่ในมือของรัฐบาล และเร่งให้มีการสีแปรข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร และก่อนเริ่มโครงการจำนำข้าวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2554 รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีพฤติการณ์เร่งขายข้าวแบบจีทูจีไปจำนวน 2 สัญญา อย่างรีบร้อนผิดปกติ เป็นการขายล่วงหน้า ต่อมามีการทำสัญญาจีทูจีโดยทุจริตเพิ่มอีก 6 ฉบับ รวมเป็น 8 ฉบับ ปริมาณรวมกว่า 20 ล้านตัน ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดเหมือนนำสมบัติของชาติไปขายในราคาถูก และไม่ปรากฏว่ามีข้าวส่งออกไปยังรัฐบาลจีน หรือฝ่ายผู้ซื้อแต่อย่างใด
กลับปรากฏว่ามีการนำข้าวมาเวียนขายให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ ในลักษณะทำนองผูกขาดการซื้อขายข้าวในความครอบครองของรัฐบาล โดยมีบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวก และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ที่เป็นพวกพ้องของนายทักษิณ เป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง โดยได้ทั้งเงินและส่วนต่างข้าวไปเป็นจำนวนมากอย่างอิ่มหมีพีมัน อันเป็นนโยบายประชานิยมที่นำไปสู่การทุจริตเชิงนโยบายของพวกพ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่แอบแฝงซ่อนเร้นไปด้วยกลโกงในการรับจำนำข้าวโดยเอาผลประโยชน์ชาวนามาบังหน้า ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อชาติบ้านเมืองเป็นอย่างร้ายแรงจนยากจะเยียวยา อันไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน กขช. ต้องรับผิดชอบในผลของการกระทำหรือการดำเนินโยบาย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอำนาจระงับยับยั้งการปฏิบัติราชการใด ๆ ในที่นี้คือการซื้อขายข้าวจีทูจีที่ขัดต่อกฏหมายและนโยบายดังกล่าว แต่หาได้กระทำไม่ กลับปล่อยให้มีการทุจริตและสมยอมเอื้อประโยชน์ให้มีการทุจริตต่อไปหลังจากที่ได้รับรู้หรือมีพฤติการณ์ปรากฏชัดแจ้งว่า ควรรู้ถึงความเสียหายและการทุจริตดังกล่าว แต่กลับเพิกเฉยละเลยต่อการใช้อำนาจปราบปรามการทุจริต และระงับยับยั้งความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวมต่อไปอีกยาวนานหลายด้านตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น
พฤติการณ์แห่งการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามฟ้อง จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่ด้วยการป้องกันและปราปบรามการทุจริต พ.ศ. 2542 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) มาตรา 123/1 ถือว่าพฤติการณ์แห่งคดีมีความร้ายแรง ส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างมากมายมหาศาล จนเกินสมควรรับได้ (เทียบเคียงนัยคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ระหว่าง อสส. เป็นโจทก์ นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ และนายวิทยา เทียนทอง กรณีทุจริตจัดซื้อปุ๋ย)
พนักงานอัยการ ผู้แทนโจทก์ ขอศาลได้โปรดพิพากษาลงโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ตลอดจนถ้อยคำสำนวนในคดีนี้ประกอบพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงย่างแก่นักการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนทั่วไปว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นการใช้นโยบายประชานิยมที่นำไปสู่การทุจริตเชิงนโยบาย การมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ การมีผลประโยชน์ขัดกันระหว่างส่วนตนพวกพ้อง และประโยชน์ส่วนรวม ถือเป็นบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงและร้ายแรง เป็นตัวถ่วงความเจริญพัฒนาของประเทศ เป็นเหตุให้บ้านเมืองล้าหลัง
หากนักการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหา โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของฝ่ายปฏิบัติ ฝ่ายบริหารซึ่งมีหน้าที่สำคัญแจ้งชัดไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ก็จะกลายเป็นว่านายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศ คณะรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง หรือผู้นำองค์กร จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไรก็ได้ตามอำเภอใจ ไม่ต้องรับผิดในผลใด ๆ ของการบริหารหรือการปฏิบัติงานของตนเองที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายต่อชาติบ้านเมืองยิ่งนัก เมื่อทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงผลร้ายของการทุจริตคอร์รัปชั่นแล้ว ย่อมทำให้บ้านเมืองไทยเจริญพัฒนาสถาพร มั่นคง และยั่งยืนถาวรตลอดไป
คดีนี้โจทก์ได้นำสืบพิสูจน์ความรับผิดชอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนชัดแจ้งเป็นที่ประจักษ์ คดีมีพยานหลักฐานหนักแน่นน่ารับฟังโดยปราศจากสงสัยแล้ว เพื่อเป็นการจารึกชื่อบุคคลที่กระทำผิดหรือมีส่วนร่วมกระทำผิดไว้ในประวัติศาสตร์การโกงชาติบ้านเมืองให้เป็นทีรับรู้โดยทั่วกันสืบไป
----
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลฎีกาฯนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. 2560 ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
อ่านประกอบ :
‘ยิ่งลักษณ์’ขอ ปชช.อย่ามาให้กำลังใจวันตัดสินคดีข้าว 25 ส.ค. ป้องเกิดเหตุจากผู้ไม่หวังดี
ยกบัญญัติUN!อัยการชี้ฟ้องคดี‘ปู’พ่วงทุจริตถูกแล้ว-บิ๊ก ป.ป.ช.บอกไร้โกงแค่เข้าใจไปเอง
คำแถลงอัยการปิดคดีข้าวยกคำท้วงติงสารพัดหน่วยงานชี้‘ปู’ไม่จริงจังป้องทุจริต-ชาติเสียหาย
ลำดับเหตุการณ์สอบจำนำข้าวฉบับอัยการ-ป.ป.ช. เร่งรัดส่งฟ้องตาม‘ปู’กล่าวหาจริงหรือ?
อัยการยันฟ้องถูกต้อง-ชี้ประเด็นเสียหายแล้ว หลัง‘ปู’งัดปมไร้หลักฐานทุจริตสู้คดีข้าว
คำแถลงอัยการปิดคดีข้าวยกคำท้วงติงสารพัดหน่วยงานชี้‘ปู’ไม่จริงจังป้องทุจริต-ชาติเสียหาย
เหมือนนำชาติเดิมพันความหายนะ!อัยการชี้ ‘ปู’รู้คำเตือนสารพัดหน่วยดี แต่ไม่หยุดจำนำข้าว
เจาะแฟ้มแถลงปิดคดีอัยการ!เบื้องหลังนำสำนวนจีทูจีเก๊รวมคดี‘ปู’-หัวใจสำคัญทำชาติเจ๊ง?
แม้วคิดปูทำ!อัยการชี้จำนำข้าวไร้งานวิจัยรองรับ แค่หาเสียงชาวนาเพื่อต้องการชนะเลือกตั้ง
คำแถลงอัยการปิดคดีข้าวยกคำท้วงติงสารพัดหน่วยงานชี้‘ปู’ไม่จริงจังป้องทุจริต-ชาติเสียหาย
ย้อนมหากาพย์จำนำข้าว(1):จากนโยบายช่วยชาวนาจนนายกฯถูกฟ้อง ทำขาดทุน-ชาติเสียหาย?
ย้อนมหากาพย์จำนำข้าว(2):อภิปรายจีทูจีฉาว-ป.ป.ช.ยกเหตุสอบเดี่ยว จุดตาย‘ยิ่งลักษณ์’?
ยกคำกล่าว'สัญญา ธรรมศักดิ์'แจงศาล! แถลงปิดคดีข้าว‘ปู’ฉบับเต็ม “ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด"
ร่ำไห้กลางศาล!‘ปู’ครวญตกเป็นเหยื่อการเมือง-ขอตัดสินเป็นธรรมไม่ฟังคำชี้นำใคร