ลำดับเหตุการณ์สอบจำนำข้าวฉบับอัยการ-ป.ป.ช. เร่งรัดส่งฟ้องตาม‘ปู’ กล่าวหาจริงหรือ?
“…การรวบรวมข้อไม่สมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 2557-20 ม.ค. 2558 ย่อมถือว่าเวลาล่วงผ่านมานานพอสมควรแล้ว ประกอบกับการไต่สวน หรือสอบสวนต้องทำด้วยความรวดเร็วเพื่อป้องกันมิให้พยานหลักฐานสูญหาย เสียหาย หรือถูกทำลายโดยเหตุประการอื่นอันจะทำให้ค้นหาความจริงได้ยากขึ้น ดังนั้นการฟ้องคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้นแต่อย่างใด…”
ปลายสัปดาห์นี้ วันที่ 25 ส.ค. 2560 คือวันที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องบันทึกไว้ เนื่องจากเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา ฝ่ายพนักงานอัยการได้ส่งคำแถลงปิดคดีดังกล่าวแบบลายลักษณ์อักษรให้องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯที่รับผิดชอบสำนวนคดีนี้เพื่อพิจารณาแล้ว เบื้องต้นบรรยายพฤติการณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีขณะนั้นว่า รับทราบคำเตือนข้อท้วงติงจากหน่วยงานต่าง ๆ ถึงโครงการนี้ที่อาจสร้างความเสียหายให้กับงบประมาณของชาติ และอาจเปิดช่องให้มีการทุจริตเกิดขึ้นได้ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี ยังคงยืนยันจะทำตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาต่อไป (อ่านประกอบ : อัยการยันฟ้องถูกต้อง-ชี้ประเด็นเสียหายแล้ว หลัง‘ปู’งัดปมไร้หลักฐานทุจริตสู้คดีข้าว, คำแถลงอัยการปิดคดีข้าวยกคำท้วงติงสารพัดหน่วยงานชี้‘ปู’ไม่จริงจังป้องทุจริต-ชาติเสียหาย)
อย่างที่หลายคนทราบว่า ชนวนเหตุที่ทำให้ ‘นารีขี่ม้าขาว’ ต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในครั้งนี้ สืบเนื่องจากที่มีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เข้าไปตรวจสอบโครงการดังกล่าว กระทั่งมีการชี้มูลความผิดเมื่อกลางปี 2557
กรณีนี้เองถูกฝ่ายพรรคเพื่อไทย มวลชนผู้สนับสนุน และทนายความของฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นธรรม มีการเร่งรัดดำเนินการ และอาจมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงได้ ?
ประเด็นนี้ถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยกขึ้นมาต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาฯด้วยเช่นกัน เนื่องจากศาลฎีกาฯจะต้องพิจารณาโดยยึดสำนวนจาก ป.ป.ช. เป็นหลัก แต่ฝ่ายพนักงานอัยการได้ตอบข้อต่อสู้ดังกล่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อธิบายเป็นฉาก ๆ ว่า ทำไม น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
อย่างไร ? สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปคำแถลงปิดคดีฝ่ายพนักงานอัยการ เฉพาะประเด็นการไต่สวนของ ป.ป.ช. และการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างฝ่ายอัยการ และ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์คดีดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
@ประเด็นการไต่สวนของ ป.ป.ช. ชอบหรือไม่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ต่อสู้ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนคดีนี้เพียง 79 วัน แล้วมีมติชี้มูลความผิดอย่างเร่งรีบ ก่อนฟ้องคดีนี้ อสส. เห็นว่า การไต่สวนของ ป.ป.ช. มีข้อไม่สมบูรณ์ที่ไม่เพียงพอจะดำเนินคดีได้ถึง 4 ประเด็น ดังนั้นเพื่อให้การแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพียงพอต่อการพิจารณาว่าจะมีการสั่งฟ้องคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามที่ ป.ป.ช. กล่าวหาหรือไม่ อสส. จึงได้ส่งเรื่องข้อไม่สมบูรณ์ดังกล่าวให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ พร้อมกับตั้งคณะทำงานที่เป็นพนักงานอัยการเข้ามาร่วมกับ ป.ป.ช. มีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส. เป็นหัวหน้าคณะทำงานกับ ป.ป.ช. ที่ต้องพิจารณาเรื่องด้วยความรอบคอบ รัดกุม เป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ อสส. ได้รวบรัด เร่งรีบ ไม่ดำเนินการในข้อไม่สมบูรณ์ดังกล่าวให้ครบถ้วนเสียก่อน กลับสมคบกันให้คณะทำงานเพียงบางคนรีบเสนอความเห็นควรสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยไม่เป็นไปตามขั้นตอน และไม่ให้ความเป็นธรรม หลังจากส่งฟ้องแล้วได้แถลงข่าวเพียง 1 ชั่วโมงก่อนที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติถอดถอนในวันที่ 23 ม.ค. 2558
ฝ่ายพนักงานอัยการ ต่อสู้ว่า เรื่องนี้ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่า มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวจีทูจี ตั้งแต่ปี 2555 โดยมีพฤติการณ์ปรากฏตามคำสั่งให้ไต่สวนข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ต้องดำเนินการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรีและเป็นธรรม โดยอาศัยกลไกตลาด แต่กลับดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยเนื้อแท้คือโครงการซื้อขายข้าวอันเป็นการกระทำที่บิดเบือนระบบเศรษฐกิจแบบเสรี ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ทั้งที่มีการทัดทานจาก ป.ป.ช. และนักวิชาการ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ที่รัฐต้องนำเงินภาษีไปใช้ในโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ในพฤติการณ์ที่ปรากฏในคำสั่งได้ระบุว่า นายบุญทรง อ้างว่า ได้ดำเนินการระบายข้าวแบบจีทูจี แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการระบายข้าวให้เอกชน คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งไม่ใช่การระบายข้าวแบบจีทูจีตามที่กล่าวอ้าง อันเป็นการหลีกเลี่ยงการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นธรรม เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2555 รับเรื่องกล่าวหาดังกล่าวไว้พิจารณา และตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง โดย ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เบิกความต่อศาลว่า ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ครบถ้วนเสียก่อน เพราะเป็นคดีที่สำคัญละเอียดอ่อน และประชาชนสนใจ หลังจากนั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนมีการไต่สวนนายบุญทรงกับพวกอย่างต่อเนื่องตลอดมา รวมทั้งทำหนังสือขอทราบข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานไปยังปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว
ดังนั้นแม้คำสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงในตอนแรกยังไม่ได้ระบุชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้ถูกกล่าวหา ระบุแต่เพียงนายบุญทรงกับพวกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด และสามารถทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และที่สำคัญเนื้อหาที่มุ่งไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวนตั้งแต่ต้นนั้นได้กำหนดประเด็นการไต่สวนเกี่ยวกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ไว้ชัดเจน ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงขอบที่จะไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้
ต่อมาหลังจากคณะอนุกรรมการไต่สวนดังกล่าว ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีทุจริตโครงการับจำนำข้าว และระบายข้าวต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 1 ปีกว่าแล้ว ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เห็นว่า มีพยานหลักฐานแน่ชัดบ่งชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีส่วนในการกระทำความผิดด้วยตามที่มีการกล่าวหา เนื่องจากเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นประธาน กขช. มีหน้าที่ติดตามกำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบายมาตรการและโครงการที่อนุมัติได้ทราบถึงการท้วงติง และความเสียหายจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว แต่กลับละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้ง อันอาจเป็นมูลความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาได้ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2557 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้กรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะ เป็นองค์คณะไต่สวน จึงเป็นที่มาของการไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีนี้
โดยพฤติการณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามการกล่าวหาของ ป.ป.ช. โดยสรุปคือ เป็นประธาน กขช. ที่ดำเนินโครงการจำนำข้าวซึ่งทำลายกลไกการซื้อขายข้าวตามปกติโดยสิ้นเชิง ในการดำเนินโครงการมีการทุจริตทุกขั้นตอนอย่างกว้างขวาง ยิ่งกว่านั้นการที่รัฐจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดทำให้รัฐต้องขาดทุน ส่วนการระบายข้าวที่อ้างว่าทำจีทูจี แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไม่ได้ทำแต่อย่างใด นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงนโยบายว่า จะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง แต่กลับปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และระบายข้าว
การไต่สวนนั้นได้นำสำนวนในคดีเดิม (กล่าวหานายบุญทรง) มาใช้ประกอบสำนวนคดีใหม่ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้ถูกกล่าวหา และดำเนินการไต่สวนไปพร้อมกันทั้งสองคดี โดยภาพรวมของทั้งสองคดีเป็นเรื่องเกี่ยวพันกันจะแยกจากกันเสียมิได้ และขั้นตอนระบายข้าวเป็นขั้นตอนสำคัญของโครงการรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธาน กขช. แล้วจะอ้างว่าไม่เกี่ยวไม่อยู่ในความรับผิดชอบได้อย่างไร
เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า พยานหลักฐานฟังได้ว่ามีมูลแล้ว จึงชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ และส่งสำนวนให้ อสส. ดำเนินการฟ้องต่อไป รวมเวลาไต่สวนตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2555 ถึงวันที่ชี้มูลผิด 17 ก.ค. 2557 รวมทั้งสิ้น 1 ปี 7 เดือนเศษ หาใช่ 79 วันตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างไม่ กรณีจึงถือว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ใช้เวลาอันสมควรแล้ว
@ประเด็นการดำเนินการตามข้อไม่สมบูรณ์ของคณะทำงานร่วมอัยการ-ป.ป.ช.
หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้ว เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2557 ได้ส่งสำนวนให้ อสส. ดำเนินการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ อสส. (ขณะนั้น) พิจารณาแล้วเห็นว่า สำนวนยังไม่สมบูรณ์พอยื่นฟ้อง จึงแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2557 มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่ายอัยการ และฝ่าย ป.ป.ช. โดยรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อไม่สมบูรณ์ ขอหลักฐานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติมเพื่อให้สิ้นกระแสความ รวมทั้งอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2558 คณะทำงานได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาผลการรวบรวมพยานหลักฐาน มีความเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว จึงมีมติส่งสำนวนให้ อสส. เพื่อฟ้องต่อศาลฎีกาฯ โดย อสส. พิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้วเห็นว่ามีความสมบูรณ์พอจะดำเนินการฟ้องได้ จึงฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาฯ หลังจากนั้นศาลฎีกาฯ ได้ประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวไว้
จากข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้นเห็นว่า ก่อน อสส. มีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ คณะทำงานฝ่ายอัยการ และฝ่าย ป.ป.ช. ได้ร่วมกันพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตามขั้นตอนกฎหมาย ดำเนินการโดยชอบด้วย หาได้เร่งรัด ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย หรือกระทำการอันใดมิชอบตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างไม่
ส่วนประเด็นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อสู้ว่า การรวบรวมข้อไม่สมบูรณ์ คณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการให้ครบถ้วนทุกข้อตามที่ อสส. ตั้งข้อไม่สมบูรณ์นั้น ก็หาฟังขึ้นไม่อีกเช่นกัน เพราะประเด็นนี้คณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายได้ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์หลายครั้ง จึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์
ทั้งนี้ ศ.พิเศษ วิชา ได้เบิกความต่อศาลถึงประเด็นนี้ว่า คดีกล่าวหานายสรยุทธ สุทัศนะจินดา มีการตั้งข้อไม่สมบูรณ์เกือบ 100 ข้อ แต่ในที่สุดคณะทำงานร่วมตัดออกเหลือประมาณ 3-4 ประเด็นเท่านั้น
กรณีจึงฟังเป็นที่ยุติว่า การดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อไม่สมบูรณ์ที่ อสส. ตั้งมานั้น หาจำต้องกระทำทุกข้อทุกประเด็นไม่ ข้อต่อสู้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในประเด็นฟังไม่ขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนที่นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส. หัวหน้าคณะทำงานร่วมฯ (ขณะนั้น) เบิกความนั้นเป็นการเบิกความลอย ๆ หามีน้ำหนักรับฟังไม่ ส่วนที่เบิกความว่า ไม่ได้รับแจ้งให้เข้าร่วมประชุมในวันที่ 20 ม.ค. 2558 (วันสุดท้ายที่ อสส. เห็นชอบส่งฟ้อง) ปรากฏข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของฝ่ายเลขานุการคณะทำงานร่วมฯดำเนินการแจ้งนายวุฒิพงศ์ และคณะทำงานฝ่ายอัยการทุกคนทราบนัดแล้ว รวมทั้งมีการโทรศัพท์ประสานด้วย
กรณีจึงเชื่อโดยปราศจากสงสัยว่านายวุฒิพงศ์ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่เป็นเหตุส่วนตัวของนายวุฒิพงศ์เองที่ไม่ไปประชุม และที่สำคัญไม่มีกฎหมายหรือระเบียบกำหนดไว้ว่า คณะทำงานร่วมแต่ละฝ่ายต้องไปครบทุกคน ถ้าทั้งสองฝ่ายรวมกันเกินกึ่งหนึ่ง ถือว่าครบองค์ประชุม และเป็นการประชุมที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
นอกจากนี้การรวบรวมข้อไม่สมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 2557-20 ม.ค. 2558 ย่อมถือว่าเวลาล่วงผ่านมานานพอสมควรแล้ว ประกอบกับการไต่สวน หรือสอบสวนต้องทำด้วยความรวดเร็วเพื่อป้องกันมิให้พยานหลักฐานสูญหาย เสียหาย หรือถูกทำลายโดยเหตุประการอื่นอันจะทำให้ค้นหาความจริงได้ยากขึ้น ดังนั้นการฟ้องคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้นแต่อย่างใด
----
ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร คงต้องรอฟังคำพิพากษาจากศาลฎีกาฯ ในวันที่ 25 ส.ค. 2560
อ่านประกอบ :
เหมือนนำชาติเดิมพันความหายนะ!อัยการชี้ ‘ปู’รู้คำเตือนสารพัดหน่วยดี แต่ไม่หยุดจำนำข้าว
เจาะแฟ้มแถลงปิดคดีอัยการ!เบื้องหลังนำสำนวนจีทูจีเก๊รวมคดี‘ปู’-หัวใจสำคัญทำชาติเจ๊ง?
แม้วคิดปูทำ!อัยการชี้จำนำข้าวไร้งานวิจัยรองรับ แค่หาเสียงชาวนาเพื่อต้องการชนะเลือกตั้ง
คำแถลงอัยการปิดคดีข้าวยกคำท้วงติงสารพัดหน่วยงานชี้‘ปู’ไม่จริงจังป้องทุจริต-ชาติเสียหาย
ย้อนมหากาพย์จำนำข้าว(1):จากนโยบายช่วยชาวนาจนนายกฯถูกฟ้อง ทำขาดทุน-ชาติเสียหาย?
ย้อนมหากาพย์จำนำข้าว(2):อภิปรายจีทูจีฉาว-ป.ป.ช.ยกเหตุสอบเดี่ยว จุดตาย‘ยิ่งลักษณ์’?
ยกคำกล่าว'สัญญา ธรรมศักดิ์'แจงศาล! แถลงปิดคดีข้าว‘ปู’ฉบับเต็ม “ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด"
ร่ำไห้กลางศาล!‘ปู’ครวญตกเป็นเหยื่อการเมือง-ขอตัดสินเป็นธรรมไม่ฟังคำชี้นำใคร
หมายเหตุ : ภาพประกอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จาก thaipublica