ตามแผนปฏิรูปรถเมล์ ดีเดย์ 15 สิงหาฯ กรมขนส่งทางบก ทดลองเดินรถ 8 เส้นทาง
กรมการขนส่งทางบก-ขสมก. ทดลองเดินรถ 8 เส้นทาง ตามแผนปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดีเดย์ 15 สิงหาคม - 15 กันยายน 2560 ก่อนประเมินผลการให้บริการ พร้อมสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน และรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ นำมาพัฒนายกระดับระบบรถโดยสารประจำทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการขนส่งทางบก จะดำเนินการตามแผนปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยกำหนดระยะเวลาทดลองเดินรถทั้ง 8 เส้นทาง ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม – 15 กันยายน 2560 ตั้งแต่เวลา 06.30 น. – 18.30 น. โดยประชาชนผู้ใช้บริการสามารถสังเกตบริเวณด้านหน้ารถและด้านข้างรถจะมีแถบสีแสดงพื้นที่ให้บริการและเส้นทาง รวมถึงแสดงชื่อเส้นทางใหม่ ควบคู่กับเลขสายและชื่อเส้นทางเดิม พร้อมจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ติดตั้งบริเวณป้ายรถเมล์ บนรถ และผ่านสื่อทุกช่องทาง รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกและ เจ้าหน้าที่ ขสมก. ประจำพื้นที่ให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกและให้ข้อมูล
กรมการขนส่งทางบก มีการกำหนดหมายเลขเส้นทางเป็นลักษณะเขตพื้นที่แบ่งเป็น 4 โซน และกำหนดทั้งสัญลักษณ์เชิงสี หมายเลขเส้นทางที่ไม่เกิน 2 หลัก และตัวอักษร ที่จะทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้น สังเกตเห็นได้ชัดเจน โดยใช้หลักการเชิงพื้นที่เดิมที่มีจำนวน 8 เขตการเดินรถ แบ่งเป็นโซนดังนี้
เขตการเดินรถที่ 1, 2 กำหนดเป็นโซนพื้นที่สีเขียว (Green: G)
เขตการเดินรถที่ 3, 4 กำหนดเป็นโซนพื้นที่สีแดง (Red: R)
เขตการเดินรถที่ 5, 6 กำหนดเป็นโซนพื้นที่สีเหลือง (Yellow: Y)
และเขตการเดินรถที่ 7, 8 กำหนดเป็นโซนพื้นที่สีน้ำเงิน (Blue: B)
และเพื่อป้องกันความสับสนสำหรับเส้นทางที่มีต้นทางปลายทางเดียวกัน แต่บางช่วงของเส้นทางมีการใช้ทางด่วน จึงได้กำหนดตัวอักษรเพื่อความเข้าใจคือ Expressway: E
|
สำหรับเส้นทางเดินรถช่วงทดลองนั้น มีจำนวน 8 เส้นทาง เส้นทางละ 5 คัน ดังนี้
สายที่ G21 รังสิต - ท่าเรือพระราม 5 (เทียบเคียงสาย 114 อ.ต.ก. 3 – แยกลำลูกกา)
สายที่ G59E มีนบุรี – ท่าเรือสี่พระยา (ทางด่วน) (เทียบเคียงสาย 514 มีนบุรี – ถ.รัชดาภิเษก – สีลม)
สายที่ R3 สวนหลวง ร.9 – สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ (เทียบเคียงสาย 11 อู่เมกา บางนา – มาบุญครอง)
สายที่ R41 ถนนตก – แฮปปี้แลนด์ (เทียบเคียงสาย 22 อู่โพธิ์แก้ว – สาธุประดิษฐ์)
สายที่ Y59 สถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน – กระทุ่มแบน (เทียบเคียงสาย 189 สนามหลวง – กระทุ่มแบน)
สายที่ Y61 หมู่บ้านเศรษฐกิจ – สถานีขนส่งจตุจักร (เทียบเคียงสาย 509 สถานีขนส่งจตุจักร – บางแค)
สายที่ B44 วงกลมพระราม 9 – สุทธิสาร (เทียบเคียงสาย 54 วงกลมรอบเมืองห้วยขวาง)
สายที่ B45 หมู่บ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม – ท่าเรือสะพานพุทธ (เทียบเคียงสาย 73 อูโพธิ์แก้ว – สะพานพุทธ)
ส่วนเส้นทางนำร่อง เป็นเส้นทางที่กำหนดขึ้นใหม่ตามแผนปฏิรูปฯ จากการสำรวจความต้องการใช้บริการของประชาชน และการเกิดขึ้นใหม่ของชุมชน ทั้งนี้ยังมีการเปิดรับคำขอเส้นทางนำร่องแล้วจำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่
- สายที่ R26E สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์-โรงพยาบาลรามาธิบดี (ทางด่วน)
- และสายที่ Y70E มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา-สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต (ทางด่วน) โดยจะเริ่มใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเชิงคุณภาพ ทั้งการคัดเลือกผู้ประกอบการและรถโดยสารที่ได้มาตรฐานและมีความเหมาะสม
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงการดำเนินการตามแผนปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้โดยสารและผู้ประกอบการ โดยกรมการขนส่งทางบกยึดหลักการดำเนินการแบบประชารัฐ มีการรับฟังความคิดเห็น และการสร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในระหว่างการดำเนินการตามแผนปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการยกระดับคุณภาพการให้บริการ สร้างความเชื่อมั่น ความพึงพอใจ ยกระดับคุณภาพชีวิต
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเดิมที่ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เป็นผู้เดินรถรายเดียว โดย ขสมก. จะมีสถานะเป็นผู้ประกอบการเดินรถรายหนึ่ง ส่วนรถร่วม ขสมก. เดิมจะต้องขอใบอนุญาตประกอบการเดินรถกับกรมการขนส่งทางบกโดยตรง มีผลให้เกิดการแข่งขันด้านคุณภาพการให้บริการอย่างเป็นธรรม เพื่อเพิ่มทางเลือกและการเข้าถึงการให้บริการ ลดการทับซ้อนเส้นทาง เชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนประเภทอื่นๆ ตลอดจนรองรับการพัฒนาเมือง ชุมชนที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนสูงสุด ภายใต้การยกระดับมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย การคัดเลือกผู้ประกอบการเดินรถด้วยรูปแบบการแข่งขันเชิงคุณภาพ กำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐาน สภาพรถ รูปแบบการให้บริการ ด้วยการบริหารจัดการที่เป็นระบบที่จะนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เป็นเครื่องมือทางการบริหาร เช่น การติดตั้งระบบ GPS Tracking เพื่อติดตามการเดินรถ การรองรับ E-Ticket ตั๋วต่อตั๋วร่วม โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผนปฏิรูปฯ ภายใน 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในระหว่างการดำเนินการตามแผนปฏิรูปฯ ลดผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องน้อยที่สุด
พร้อมกันนี้ มีการเปิดรับฟังความคิด ข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำ ข้อสังเกต ในเรื่องของการจัดระบบหมายเลขเส้นทาง ทางแฟนเพจ Facebook ในชื่อ การปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ กทม. หรือ URL: http://www.facebook.com/BusRerouteBKK/ เพื่อนำข้อเสนอแนะและความคิดเห็นมาวิเคราะห์ ประเมินผล และพิจารณาปรับเปลี่ยนการดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน