สตง.ค้าน-กก.สอบสรุปไม่ผิด!เปิดข้อหารองเลขาสภาผู้แทนฯใหม่ปรับปรุงห้องประชุม 36.5 ล.
เปิดข้อกล่าวหา ‘สุนทร’ หลังมติ กร. ตั้งเป็นรองเลขาธิการสภาผู้แทนคนใหม่ ปมปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ อาคารรัฐสภา 3 วงเงิน 36.5 ล้าน ช่วงนั่ง ผอ.กองคลังฯ ทำไปโดยไม่รัดกุม ลงนามจ้างก่อนรู้ยอดเงินปรับปรุง ก่อนสรุปผลไม่ผิดวินัย ด้าน สตง. ทำหนังสือค้านทันที
จากกรณีนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนถึงกรณีการแต่งตั้ง น.ส.สุนทร รักเมือง อดีต ผอ.สำนักการคลังและงบประมาณ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในการบริหารงาน และก่อนหน้านี้คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา (กร.) ไม่ให้ความเห็นชอบแล้วหนหนึ่ง แต่ต่อมามีการรับสมัครใหม่ และมีผู้สมัครชุดเดิมเข้ามา แต่ครั้งนี้ดำเนินการสรรหาแบบลับนั้น (อ้างอิงจาก ไอเอ็นเอ็นออนไลน์)
แหล่งข่าวจากรัฐสภา เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า น.ส.สุนทร เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง (จากผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 5 ราย) กรณีดำเนินโครงการจัดจ้างปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ ห้อง 3301 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 3 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร วงเงินประมาณ 36.5 ล้านบาท
แหล่งข่าว ระบุว่า พฤติการณ์ของ น.ส.สุนทร ที่ถูกกล่าวหาคือ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักการคลังและงบประมาณ ไม่ได้วิเคราะห์ความจำเป็นในการขอจัดจ้างโครงการปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณของสำนักรักษาความปลอดภัย ซึ่งไม่มีการชี้แจงรายละเอียดการเข้าสำรวจห้องประชุมงบประมาณ รายการครุภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุง รายละเอียดราคาครุภัณฑ์แต่ละรายการ ทั้งที่ควรดำเนินโครงการด้วยความรัดกุมเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ กลับยอมให้ถือเอารายละเอียดตามใบเสนอราคาของบริษัทเอกชนที่ได้ทำสัญญาปรับปรุง เอกสารแนบท้ายบันทึกขออนุมัติโครงการของสำนักรักษาความปลอดภัยเป็นหลักในการเสนอความเห็นเพียงอย่างเดียว
แหล่งข่าว ระบุอีกว่า นอกจากนี้ยังยึดถือนโยบายของอดีตผู้บริหารระดับสูงในสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยด่วน จนไม่คำนึงถึงการปฏิบัติให้ถูกต้องรอบคอบ จนส่งผลให้การจัดจ้างปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ ที่ใช้เงินจำนวน 36.5 ล้านบาท ปราศจากการตรวจสอบ กลั่นกรองและเสนอความเห็นในชั้นต้น และยังไม่มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่พัสดุ ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบราคามาตรฐานครุภัณฑ์ และราคากลางงานก่อสร้างของราชการ ทำให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต้องจัดจ้างปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณในราคาที่สูงกว่าปกติ
แหล่งข่าว ระบุว่า น.ส.สุนทรยังดำเนินการจัดจ้างก่อนที่จะทราบยอดเงินที่จะนำมาใช้ในการจัดหา และการขออนุมัติให้ลงนามในใบสั่งจ้าง อันเป็นการก่อหนี้ผูกพันก่อนที่จะทราบยอดเงินที่จะนำมาใช้ในการจัดหา และการขออนุมัติให้ลงนามในใบสั่งจ้าง อันเป็นการก่อหนี้ผูกพันก่อนที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะได้รับโอนเงินประจำงวด ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการขัดต่อกฏหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีแล้ว ยังไม่สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติราชการที่สำนักการคลัง และงบประมาณยึดถือปฏิบัติมาก่อนที่จะไม่ใช้ใบสั่งจ้างกับโครงการที่มีมูลค่าสูงด้วย
รายงานข่าวแจ้งสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า กรณีนี้ น.ส.สุนทร และข้าราชการในสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอีกรวม 5 ราย ถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย. 2559 แล้ว ทั้งนี้ช่วงเดือน ธ.ค. 2559 ระหว่างที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกำลังดำเนินการอยู่ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทีเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้เช่นกัน ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (นายสรศักดิ์ เพียรเวช) ไม่เห็นพ้องกับรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ต่อมาคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีมติว่า น.ส.สุนทร และข้าราชการในสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรวม 5 ราย ไม่มีความผิดทางวินัยแต่อย่างใด และสั่งยุติเรื่องดังกล่าวไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2559 ที่ผ่านมา