ศาลฎีกาฯนัด‘สุรพงษ์’3 ครั้งออกพาสปอร์ต‘ทักษิณ’-กำนันเซี้ยะโดนอีกคดีผิดฮั้ว
คดีออกพาสปอร์ตให้‘ทักษิณ’ศาลฎีกาฯนัด ‘สุรพงษ์’อดีต รมว.ต่างประเทศเบื้องต้น 3 ครั้ง ขณะที่ ‘ประชา โพธิพิพิธ’อดีต ส.ส.เมืองกาญจน์ ปชป. โผล่ถูกฟ้องอีกคดี ผิด พ.ร.บ.ฮั้วหลังถูกจำคุก 2 คดี อั้งยี่ – บุกรุกที่ราชพัสดุฯพันไร่ 7 ปี 8 เดือนเจ้าตัวหลบหนี
กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) มีมติเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. 2560 ชี้มูลความผิด ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีออกหนังสือเดินทางให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และถูกออกหมายจับในคดีก่อการร้าย และคดีอื่น ๆ ซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4) รวมถึงส่งเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำเนินการถอดถอนนายสุรพงษ์ และส่งสำนวนอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อมา เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 สนช.ได้ถอดถอนนายสุรพงษ์ ด้วยคะแนน 231 เสียง ไม่ถอดถอน 4 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง จากทั้งหมด 238 เสียง
ล่าสุดในส่วนของการดำเนินคดีอาญา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานความคืบหน้าว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้บรรจุเข้าสารบบบเป็นคดีดำที่ อม.51/2560 นัดตรวจพยานหลักฐาน เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2560 ที่ผานมา เบื้องต้นกำหนดไต่สวน 3 นัดคือ วันที่ 24 ส.ค.2560 , วันที่ 29 ส.ค.2560 และ วันที่ 13 ก.ย.2560 และ ยังไม่ได้กำหนดว่าตัดสินเมื่อใด
ขณะเดียวกันบัญชีนัดความของศาลฎีกาฯที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2560 มีชื่อนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี้ยะ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในสารบบของศาลฎีกาฯด้วยเป็นคดีความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (พ.ร.บ.ฮั้ว) มีอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ (คดีหมายเลขดำที่ อม.131/2560) กำหนดพิจารณานัดแรกวันที่ 4 ก.ย.2560 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ศาลฎีกาฯนัดพร้อมคดีนายเกษม นิมมลรัตน์ อดีตที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)เชียงใหม่ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลร่ำรวยผิดปกติกว่า 21.14 ล้านบาท
กรณี นายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี้ยะ ก่อนหน้านี้ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 คดี
คดีแรกวันที่ 25 ม.ค.2559 ศาลฎีกาจำคุกนายประชา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 5 ปี นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา จำเลยที่ 2 , น.ส.วรรณา ล้อไพบูลย์ จำเลยที่ 3 คนสนิทนางเขมพร และนายถวิล หรือน้อยหนวด สวัสดี หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนายสมชาย จิตตหฤษฎ์ หรือเลขาจุก เลขานุการส่วนของกำนันเซี้ยะ (เสียชีวิตแล้ว) เป็นจำเลย ที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ , กรรโชกทรัพย์ , หน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542
และให้จำคุกนางเขมพร ภรรยา และน.ส.วรรณา จำเลยที่ 2-3 คนละ 4 ปี โดยให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสามมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาหลังจากนายประชา กับพวกไม่มาศาล ศาลจึงได้อ่านคำพิพากษาฎีกา ลับหลังจำเลย ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2548 ให้จำคุก 5 ปี ฐานเป็นหัวหน้า หรือผู้มีตำแหน่งในอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรค 2 ส่วนนางเขมพร ภรรยา , น.ส.รรณา และนายถวิล จำเลยที่ 2-4 ให้จำคุกคนละ 4 ปี ฐานเป็นอั้งยี่ (ข้อมูลจากคมชัดลึก 25 ม.ค.2559)
คดีที่สอง วันที่ 18 เ.ม.ย.2560 ศาลฎีกาแก้ลดโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน นายประชา คดีบุกรุกที่ดินราชพัสดุ จำนวน 1 พันกว่าไร่ เมื่อปี 2547 นายประชายังหลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2557 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ให้จำคุก 4 ปี แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ลดโทษให้จำคุก 3 ปี (ข้อมูลจากไทยรัฐ 18 เม.ย.2560)
นอกจากนี้เมื่อ 11 ธ.ค.2558 ศาลฎีกาพิพากษายืนให้ริบทรัพย์โคเนื้อกว่า 800 ตัว รถยนต์ 5 คัน รวมมูลค่า 30 ล้าน ของนายประชากรณี ฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างของหน่วยงานราชการในเขตจังหวัดกาญจนบุรี โดยกีดกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้ายื่นซองประกวดราคา คดีทางแพ่ง (ข้อมูลจากไทยรัฐ 11 ธ.ค.2558)
อย่างไรก็ตาม คดีหมายเลขดำที่ อม.131/2560 ของนายประชาที่อยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผิด พ.ร.บ.ฮั้ว นั้น ไม่มีข้อมูลว่าเป็นการกระทำความผิดเมื่อใดโครงการใด
หมายเหตุ : ภาพประกอบข่าวจาก คมชัดลึก, MThai News