อดีตเลขาสภาผู้แทนฯพ้นมลทิน!กก.สอบวินัยชี้ไม่มีมูลปมสภาใหม่เสร็จช้า-สร้างหลวงพ่อทวด

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 27 กรกฎาคม 2560 เวลา 13:34 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Tags

‘จเร พันธุ์เปรื่อง’ อดีตเลขาฯสภาผู้แทนราษฎรพ้นมลทิน! กก.สอบวินัยชี้ไม่มีมูลความผิดปมสร้างสภาใหม่ล่าช้า-ตั้ง กก.สโมสรรัฐสภา-ยืมเงินสโมสรรัฐสภาสร้างหลวงพ่อทวด 3.4 ล้าน

PIC jre 27 7 60 1

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามในคำสั่งที่ 37/2558 เพิ่มตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และย้ายนายจเร พันธุ์เปรื่อง จากตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมกับให้นายนัฑ ผาสุก ที่ปรึกษากฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแทน

โดยมีการกล่าวหาว่า นายจเรปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และผิดวินัยร้ายแรง กรณีปัญหาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้า โดยสำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง

ปัญหาแต่งตั้งคณะกรรมการสโมสรรัฐสภาที่มิชอบด้วยกฎหมาย และกรณีการยืมเงินระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกับสโมสรรัฐสภา เพื่อจัดสร้างวัตถุมงคล (หลวงพ่อทวด) จำนวน 3,450,578 บาท ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับทางราชการ โดยสำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงนั้น

(อ่านประกอบ : 'บิ๊กตู่' ใช้ม.44 ปลด 'จเร พันธุ์เปรื่อง' เลขาสภาฯ เข้ากรุที่ปรึกษาสำนักนายกฯ, “ไม่เคยทุจริต-ขอความเป็นธรรมด้วย” ชัด ๆ ‘จเร’แจงยิบสภาใหม่ทำไมเสร็จช้า?)

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง มีความเห็นว่า นายจเร มิได้กระทำผิดวินัยตามข้อกล่าวหากรณีสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้าแต่อย่างใด จึงมีมติเห็นสมควรให้ยุติเรื่อง และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจิรชัย มูลทองโร่ย) ลงนามให้ความเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยฯ

และเมื่อเดือน ก.พ. 2560 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง มีความเห็นว่า นายจเร มิได้กระทำผิดวินัยตามข้อกล่าวหา กรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการสโมสรรัฐสภา และกรณีการยืมเงินจากสโมสรรัฐสภาเพื่อจัดสร้างวัตถุมงคล (หลวงพ่อทวด) แต่อย่างใด (ดูเอกสารประกอบท้ายข่าว)

สำหรับข้อกล่าวหาของนายจเรในส่วนถูกกล่าวหาว่า มีความผิดกรณีการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้า ซึ่งความล่าช้าในการก่อสร้างไม่เป็นไปตามกำหนด มูลเหตุสำคัญมาจากความบกพร่องและความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการบริหารจัดการของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 6 ประเด็น คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยฯพิจารณาแล้ว เห็นว่า

หนึ่ง กรณีปัญหาการบริหารงานในด้านการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ผู้รับจ้างและไม่ครบถ้วนนั้น เห็นว่า นายจเร มีการติดตามเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่แล้ว จึงมิอาจถือได้ว่าเกิดจากความบกพร่องของนายจเรจนทำให้ราชการเสียหายร้ายแรงแต่อย่างใด

สอง กรณีความล่าช้าการหาพื้นที่ทิ้งดินเพื่อใช้ในการขนย้ายดินจากการขุดเจาะจากงานเสาเข็มเจาะ และดินที่ขุดเพื่อก่อสร้างชั้นใต้ดินกว่า 1.1 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้น มิใช่เป็นความล่าช้าอันเกิดจากความบกพร่องในการดำเนินงานของนายจเรแต่อย่างใด

สาม กรณีความล่าช้าในการพิจารณาข้อเสนอของผู้รับจ้างในการขออนุมัติปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างอาคาร (ปรับรูปแบบเสริมเหล็ก) นายจเร พิจารณาประเด็นการขออนุมัติดังกล่าว โดยไม่อนุมัติให้แก้ไขปรับเปลี่ยน เพราะการแก้ไขมิได้เป็นความจำเป็นโดยไม่ทำให้ทางราชการต้องเสียประโยชน์ หรือเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ซึ่งนายจเรทำไปเพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชกาแล้ว

สี่ กรณีความล่าช้าในการพิจารณาอนุมัติแก้ไขงวดงานและการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการก่อสร้าง นายจเรได้พิจารณาประเด็นการขออนุมัติการแก้ไขงวดงานและการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายในโครงการด้วยความละเอียดรอบคอบ เป็นไปตามกระบวนการปกติของราชการ มิได้อนุมัติแก้ไขงวดงานให้ล่าช้าแต่อย่างใด

ห้า กรณีความล่าช้าในการพิจารณาข้อเสนอของผู้รับจ้างในการขอขยายเวลาก่อสร้างนั้น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยคณะกรรมการตรวจการจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ได้พิจารณาขยายเวลาก่อสร้างอีก 10 เดือน เป็นการดำเนินการของทางราชการ ภายใต้กฎหมายต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และรักษาผลประโยชน์ราชการเป็นสำคัญ ซึ่งการดำเนินการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมแล้ว

หก กรณีความขัดแย้งระหว่างบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้าง กับกิจการร่วมค้า ATTA ผู้ควบคุมงานก่อสร้างนั้น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมิได้นิ่งเฉยประเด็นนี้ แต่ได้มีการพิจารณาในการประชุม และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้ว

คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงจึงเห็นว่า นายจเร ได้ปฏบัติหน้าที่ราชการตามที่บุคคลในฐานะเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จักต้องมีวิสัยและพฤติการณ์ในการรักษาประโยชน์ของทางราชการแล้ว มิได้กระทผิดวินัยตามที่มีการกล่าวหาแต่ประการใด จึงมีมติเห็นสมควรยุติเรื่อง

ส่วนปัญหาการแต่งตั้งคณะกรรมการสโมสรรัฐสภานั้น คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง เห็นว่า นายจเร มีหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเกี่ยวกับกิจการสโมสรรัฐสภาด้วย ทั้งนี้การแต่งตั้งคณะกรรมการสโมสรรัฐสภา มิได้เป็นเรื่องที่กฎหมายบัญญัติให้ดำเนินการแต่งตั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา จึงไม่เป็นอำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการให้ความเห็นชอบแทนส่วนราชการดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นคำสั่งของนายจเรที่ตั้งคณะกรรมการสโมสรรัฐสภาจึงชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนประเด็นการยืมเงินระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กับสโมสรรัฐสภา เพื่อจัดสร้างวัตถุมงคล (หลวงพ่อทวด) จำนวน 3,450,578 บาท โดยนายจเร และนายสมชาติ ธรรมศิริ ประธานกรรมการในคณะกรรมการสโมสรรัฐสภา ในฐานะข้าราชการกระทำการก่อหนี้ผูกพันนั้น ถือเป็นการยืมเงินนอกงบประมาณ ที่ไม่ได้ผูกพันที่จะต้องจัดสรรงบประมาณให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อชดใช้หนี้จากการก่อหนี้ผูกพันดังกล่าว เป็นกรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502

คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยฯ เห็นว่า นายจเร ไม่ได้กระทำผิดวินัยตามที่มีการกล่าวหาแต่ประการใด จึงได้มีมติเห็นสมควรยุติเรื่องดังกล่าว และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจิรชัย มูลทองโร่ย) ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว (อ่านประกอบ : ปธ.สโมสรรัฐสภาอุทธรณ์สู้! ยันยืมเงินสร้างพระโปร่งใส-ช็อคถูกไล่ออก, สนช.ไล่ออก'ปธ.สโมสรรัฐสภา' เอื้อประโยชน์ให้ยืมเงิน3ล.สร้างหลวงพ่อทวดมิชอบ)

PIC จเร 1