หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ...อีกครั้งที่ (เกือบ) สิ้นอิสรภาพ
"สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีอะไร เจ้าหน้าที่แค่พาไปสอบสวน และเขาก็ดูแลทุกอย่างเป็นอย่างดี ตลอดที่อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่"
เป็นคำกล่าวของ นายมะแอ สะอะ หรือ "หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ" อดีตแกนนำขบวนการพูโล ที่บอกกับผู้สื่อข่าว ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐ และญาติสนิทมิตรสหายที่เดินทางไปเยี่ยมเขาที่บ้านท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ เพิ่งกลับถึงบ้านเกิด หลังถูกเจ้าหน้าที่มาเลเซียจับกุมคาร้านอาหารของตนเองที่รัฐเปรัค ทางตอนเหนือของมาเลเซีย เมื่อกลางเดือน มิ.ย.60 และได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระเมื่อ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา รวมเวลาถูกควบคุมตัวราว 20 กว่าวัน
บรรยากาศที่บ้านของเขาเป็นไปอย่างสบายๆ หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ ยังยิ้มได้ ซึ่งไม่แปลกอะไรสำหรับคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตลอดชีวิตอย่างเขา
"วันที่ถูกจับ ตอนนั้นประมาณบ่าย 2 โมง" เขาเริ่มเล่าถึงนาทีที่ถูกบุกค้นร้านอาหาร ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนไทปิง-กัวลากังซาร์ อำเภอกัวลากังซาร์ รัฐเปรัค "ผมนั่งอยู่ในร้านอาหาร เป็นร้านของครอบครัว ตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยพิเศษ ดือรายา บูเก็ต อาร์มี มาพร้อมอาวุธครบมือจำนวนหลายสิบคน เข้ามาขอเข้าตรวจค้นอาวุธปืนภายในร้าน โดยอ้างว่าภายในร้านมีอาวุธปืน แต่ผลจากการตรวจค้นนาน 2 ชั่วโมง ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและอาวุธปืนแม้แต่กระบอกเดียว"
แม้จะไม่พบสิ่งผิดกฎหมายภายในร้าน แต่เขาก็ยังถูกควบคุมตัว
"เจ้าหน้าที่ใส่กุญแจมือไพล่หลัง พาไปที่สำนักงานตำรวจบาลิน รัฐเคดาห์ เพื่อสอบสวน" เขาบอก
เมื่อไปถึงสถานที่คุมตัว ทำให้เขารู้สาเหตุของการถูกค้นร้านและสิ้นอิสรภาพ...
"เจ้าหน้าที่ได้สอบถามกรณีพบข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ จึงสงสัยความถึงสัมพันธ์ระหว่างผมกับ นายซานุซี ลูกชายเปาะมะสุไหงบาตู อดีตแกนนำบีอาร์เอ็นที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทยระหว่างการจับกุม ผมก็อธิบาว่าเคยพบเพียงครั้งเดียวโดยบังเอิญ คือ นายซานุซีมาขอพบเพื่อให้ช่วยติดต่อกับทางการไทยว่าเขากับพวก 3 คน ได้แก่ ไบดีละห์ อาบัส และตัวเขา จะขอมอบตัวกับทางการไทย เพราะทนกับความลำบากที่ต้องเร่ร่อนหนีการจับกุมไม่ไหว"
"ผมก็ตอบกับนายซานุซีว่า ผมไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนั้น และไม่เคยพาใครเข้ามอบตัวเลยแม้สักรายเดียว นายซานูซียังเสนอให้ผมเป็นตัวแทนของกลุ่มเขา เข้าร่วมกับ มารา ปาตานี (กลุ่มที่พูดคุยเพื่อสันติสุขกับรัฐบาลไทย) ด้วย ผมก็ตอบอีกว่าไม่เป็นตัวแทนให้ใครทั้งนั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบและติดต่อกันอีกเลย"
นั่นคือต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เขาถูกจับกุม แต่กระบวนการไม่ได้จบลงแค่นั้น...
"เมื่อครบ14 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียก็นำตัวผมไปที่ สลางอปือตาลิง จายา และตำรวจมาเลเซียก็ถามถึงกรณีการหายตัวไปของนักบวชคริสเตียน ว่าเคยรู้เรื่องการหายตัวของนักบวชหรือไม่ ผมก็ตอบไปว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พาเข้าห้องชี้ตัว โดยมีคนหลายเชื้อสายยืนเรียงยาวภายในห้อง เพื่อให้คนเหล่านั้นชี้ตัวผม ถ้าพวกเขาชี้ตัว ผมก็ถูกจับดำเนินคดี แต่คนเหล่านั้นไม่ได้ชี้มา ก็จบกระบวนการในการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยตัวกลับบ้าน"
เมื่อพ้นจากเรื่องราวความสับสน หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ ก็ฝากขอบคุณไปถึงรัฐบาลไทยที่ให้การช่วยเหลือ...
"อยากขอบคุณรัฐบาลไทยที่ส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปช่วยประสานงาน ขอบคุณท่านผู้บัญชาการทหารบก และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้ช่วยเหลือมาตลอดในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวจนเสร็จสิ้นกระบวนการ และเจ้าหน้าที่มาเลเซียด้วยที่ต้องขอบคุณมากที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวเป็นอย่างดี"
แต่ตลอดเวลาที่ต้องสิ้นอิสรภาพ เขาก็มีบางประเด็นที่ยังค้างคาใจ...
"ผมยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากที่มีบางสำนักข่าวรายงานข่าวว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาวุธสงคราม ผมขอให้พวกเขาช่วยแก้ข่าวให้ผมด้วย เพราะผมไม่ได้โดนคดีอะไรเลย และไม่ใช่เรื่องจริง"
ด้าน มารียะ เจ๊ะมิง ภรรยาของหะยีสะมะแอ บอกว่า เรื่องนี้ถือเป็นบททดสอบที่พระเจ้าต้องการทดสอบเรา แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เพราะความจริงก็คือความจริง
"แบยีไม่ได้ทำอะไรผิด สุดท้ายก็ต้องได้เจอสิ่งที่ดีกว่า" ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของสะมะแอ ท่าน้ำ บอก
ตั้งแต่อดีตแกนนำพูโลรายนี้กลับบ้าน ปรากฏว่าบรรยากาศที่บ้านและชุมชนละแวกนั้นเป็นไปอย่างคึกคัก มีเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ รวมทั้งชาวบ้านไปเยี่ยมให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก สะท้อนถึงความก้าวขวางที่มีต่อตัวเขา
พ.อ.สมคิด คงแข็ง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 บอกว่า ได้เดินทางไปพบหะยีอิสมะแอ ท่าน้ำ เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ หลังทราบว่ากลับมาแล้วที่บ้านท่าน้ำ และได้สอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีที่มาอย่างไร ถือเป็นเรื่องที่ดีที่หะยีสะมะแอได้กลับบ้าน
-----------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : (คนซ้าย) หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ
อ่านประกอบ :
"หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ" ได้อิสรภาพแล้วหลังถูกมาเลย์คุมตัว 28 วัน
ครอบครัว "สะมะแอ ท่าน้ำ" เปิดใจถูกใส่ร้าย!
มาเลย์จับ "สะมะแอ ท่าน้ำ" รัฐรีบปัดช่วยงาน "พาคนกลับบ้าน"
เปิดใจอดีตแกนนำพูโล...แม้คนที่เคยต่อสู้กับรัฐก็ยังรักในหลวง
เปิดใจ "สะมะแอ ท่าน้ำ" ในวันสัมผัสอิสรภาพนอกกำแพงสูง
เปิดจม."สะมะแอ ท่าน้ำ" ย้อนอดีตเจรจารัฐไทย กับสัญญาณใหม่พูดคุยสันติสุข