กลุ่มผู้หญิงโรฮิงยาเผยกับสื่อ ชาวบ้านโดนทรมานสารพัดช่วงทหารกวาดล้าง
กลุ่มผู้หญิงโรฮิงยาให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรก เผยช่วงทหารกวาดล้าง ชาวบ้านโดนซ้อมทรมาน ผู้หญิงโดนข่มขืน เผาบ้าน ด้านกองทัพปฏิเสธ ชี้เป็นข้อมูลมั่ว โต้ยูเอ็นรายงานตัวเลขผู้อพยพผิดพลาด
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อช่วงวันที่ 15 ก.ค. 60 กลุ่มผู้หญิงชาวโรงฮิงยาได้ให้สัมภาษณ์กับกลุ่มสื่อมวลชนต่างชาติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุความรุนแรงในตุลาคมปีที่เเล้ว ถึงสถานการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญมีตั้งแต่การสูญเสียหัวหน้าครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง รวมไปลูกระหว่างการปฏิบัติการของกองทัพเมียนมา
นางซาเบอร์ดา หนึ่งในผู้หญิงชาวโรฮิงยา กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ลูกของเธอไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เขาถูกจับขณะที่กำลังทำไร่อยู่ นอกจากนี้ยังมีผู้ชายอีกจำนวนมากถูกจับไประหว่างการปฏิบัติการทางทหาร
ในรายงานขององค์การสหประชาชาติ(UN) ระบุว่านับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤจิกายนปีที่เเล้ว กองทัพเมียนมาไปเข้ามาจัดการกวาดล้างชาวมุสลิมโรฮิงยา ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่รัฐบาลไม่รองรับสถานะบุคคล ส่งผลให้มีชาวโรฮิงยาราว 75,000 คน หนีเข้าไปยังเขตประเทศบังคลาเทศ
ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนสอบสวนของสหรัฐฯ กล่าวถึงการพูดคุยกับกลุ่มชาวโรฮิงยาซึ่งอพยพหนีภัยสงคราม โดยส่วนใหญ่ระบุว่า เหตุการณ์ในตอนนั้นมีทั้งการรุมช่มชืนผู้หญิง การซ้อมทรมาน และเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์จำนวนมาก ซึ่งการกระทำดังกล่าวของกองทัพเมียนมาขัดต่อหลักการมนุษยชนธรรมอย่างรุนแรง
ด้านรัฐบาลเมียนมา นำโดยนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้ออกมาปฏิเสธไม่ให้มีสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวจากองค์กรภายนอก (อ่านประกอบ: รัฐบาลเมียนมา ปฏิเสธให้ยูเอ็นเข้าตรวจสอบประเด็นฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุโรฮิงยา)
ขณะที่ในสัปดาห์นี้ ทางกระทรวงข่าวสารของเมียนมา ได้อนุญาตให้สื่อต่างชาติและสื่อท้องถิ่น เข้าทำข่าวในพื้นที่ได้ โดยกำหนดรัศมีภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด
รอยเตอร์หนึ่งในสื่อที่ได้เข้าไปในพื้นที่รายงานว่า ตลอดระยะเวลาสองวันในพื้นที่ บูติงดวง( Buthidaung) และเมือง Kyar Gaung Taung ในเขตเมืองดาว (Maungdaw) รัฐยะไข่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปะทะกันอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ช่วงหนึ่งการของการลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ นางซาเบอร์ดา คุณแม่วัย 30 ปีชาวKyar Gaung Taung เข้าเยี่ยมลูกชาย เนาว์ซี มูลลอฮฺ อายุ 14 ปี ที่โดนจับไป
ข้อมูลจากรอยเตอร์ระบุว่า ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีเด็กชายจำนน 13 คน ซึ่งทั้งหมดอายุไม่เกิน 18 ปี ถูกจับตัวไป ซึ่งทั้งหมดถูกนำไปขังรวมกับผู้ชายชาวโรฮิงยาอีกกว่า 423 คน โดยอ้างข้อหากบฏหรือกลุ่มนอกกฎหมาย (colonial-era Unlawful Associations Act)
ด้านครูชาวโรฮิงยาคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า มีชาวบ้านจากชุมชน Kyar Gaung Taung ราว 32 คนโดนจับไป และมีอีก 10 คนที่ถูกฆ่าตาย และคาดว่าชาวบ้านอีกราว 6,000 คนได้หนีออกจากหมู่บ้านช่วงที่ทหารปฏิบัติการกวาดล้าง
ขณะที่น.ส.ลัลมูติ ( Lalmuti) อายุ 23 ปี หนึ่งในชาวบ้านชี้ไปยังกองขี้เถ้าว่าจุดนี้เดิมคือบ้านของเขา เธอบอกว่าจุดนี้เป็นจุดที่เธอได้พบกับศพของพ่อ ซึ่งถูกเผาไปพร้อมกับบ้าน ขณะที่แม่ถูกจับไปและต้องจำคุกอยู่ราว 6 เดือน
ทั้งนี้ในช่วงการบรรยายสรุปการลงพื้นที่ของสื่อครั้งนี้ นายพลจัตวา Thura San Lwin ตำรวจตระเวนขายแดนเมียนมา กล่าวว่า ชาวบ้านบางคนพยายามบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ ซึ่งต่อมาหลายคนก็โดนจับไปเพราะให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันสื่อก็เอาไปรายงานว่ากองทัพเป็นคนเผาบ้าน ข่มขืนผู้หญิง ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็นข้อมูลเท็จ
นายพลฯ Thura San Lwin ยังกล่าวโต้แย้งข้อมูลของยูเอ็นในประเด็นเรื่องตัวเลขของผู้อพยพด้วยว่า เป็นการรายงานที่คลาดเคลื่อน จำนวนของคนที่อพยพและสูญหายมีเพียง 22,00 คนเท่านั้น
อ่านประกอบ
WFP รายงานโรฮิงยากว่าแสนคนเผชิญภาวะขาดแคลนอาหาร
ที่มาภาพจาก สำนักข่าวรอยเตอร์ Simon Lewis
ที่มาข่าวhttp://www.reuters.com/article/us-myanmar-rohingya-idUSKBN1A00KT?utm_campaign=trueAnthem