มติทางการ ปธ.-กก.ป.ป.ช.7เสียงตีตกคดี ‘สุรเชษฐ์’เรียกเงินคาราโอเกะ-‘สุภา’ค้านชี้หลักฐานชัด
เปิดมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทางการ ตีตกคดี ‘พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล’ ปมเรียกรับเงินคาราโอเกะทั่วอีสาน พล.ต.อ.วัชรพล-กก. อีก 7 ราย ยันตามการไต่สวนคณะอนุฯ ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ตกไป ‘สุภา’ เสียงเดียวค้าน ชี้หลักฐานชัด เรียกรับเงิน
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตีตกข้อกล่าวหา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.)) กรณีเรียกรับเงินจากร้านคาราโอเกะในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แล้ว เนื่องจากเห็นว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอ และเมื่อสอบพยาน และผู้กล่าวหา ให้การคลาดเคลื่อนกับช่วงเวลาที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ 3 จึงมีมติว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูลนั้น
(อ่านประกอบ : หลักฐานไม่พอ!ป.ป.ช.ตีตกคดี‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ปมเรียกเงินคาราโอเกะทั่วอีสาน)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยผลการตีตกข้อกล่าวหาของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ อย่างเป็นทางการแล้ว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
ผู้ถูกกล่าวหา 1.พันตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) 2.ดาบตำรวจ สถาพร ศรีไลรัมย์ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ 3.จ่าสิบตำรวจ ศรีสุวรรณ วงศ์ศิริ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ 4.นายบุญเลี้ยง หรือธนากร แปลนดี หรือชื่อเล่น "จ่าดำ"
เรื่องที่ถูกกล่าวหา กรณีร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะ ในเขตพื้นที่จังหวัดนครพนม หนองคาย อุดรธานี และสกลนคร จ่ายเงินให้ หากผู้ประกอบการรายใดไม่ยอมจ่ายเงินหรือไม่ให้ความร่วมมือจะถูกกลั่นแกล้ง จับกุม ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการและทางราชการได้รับความเสียหาย
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วลงคะแนนเสียงแยกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 7 เสียง ประกอบด้วย พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช., นายปรีชา เลิศกมลมาศ, นายณรงค์ รัฐอมฤต, นายวิทยา อาคมพิทักษ์, นางสุวณา สุวรรณจูฑะ, นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และพลเอก บุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการ ป.ป.ช. เห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวน ว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ฝ่ายเสียงข้างน้อย จำนวน 1 เสียง ได้แก่ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการคาราโอเกะ และผู้ประกอบธุรกิจต่าง ๆ โดยบุคคลดังต่อไปนี้คือ นายธนากร หรือบุญเลี้ยง แปลนดี (จ่าดำ), นางสีสวาท แปลนดี, นายทิวา พิเนตร, นายปิยะพงษ์ จุฑาวนิชกุล และนายชินรัตน์ วัฒนกูล (เสี่ยแต๋ม) ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลที่ผู้ประกอบการ หรือผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวยืนยันว่า ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท แต่ได้จ่ายเงินให้กับบุคคลดังกล่าว และบุคคลดังกล่าวได้โอนเงินเข้าบัญชี พันตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบว่าบุคคลเหล่านี้มีรายได้จากการประกอบธุรกิจประการใด จึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าพันตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ได้เรียกรับเงินโดยทุจริตตามที่กล่าวหา
อย่างไรก็ดีประธานกรรมการ ป.ป.ช. สรุปว่า ผลการลงคะแนนเสียงมีมติ ต้องถือตามความเห็นของกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 7 เสียง ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งหมดที่มีอยู่ว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป (อ่านรายละเอียด ที่นี่)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการ ป.ป.ช. อีก 1 ราย ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้คือ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง แต่ไม่มีการระบุข้อมูลว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าว
หมายเหตุ : ภาพประกอบ ป.ป.ช. จาก thaipublica, ภาพ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ จาก lokwannee