เบื้องหลังแก้ไกด์ขาดแคลน ‘กอบกาญจน์’ สั่งเซ็ตซีโร่ ไม่พูดถึงอดีต -สมาพันธ์ฯ สวนรัฐตัดปัญหา
เปิดเบื้องหลังประชุม 3 ฝ่าย ถกเเก้ปัญหา 'มัคคุเทศก์' ขาดเเคลน-ด้อยคุณภาพ 'กอบกาญจน์' เผยเป็นเรื่องเข้าใจผิด สั่งเซ็ตซีโร่ ไม่ขอพูดถึงอดีต ด้านสมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์ฯ โต้ก.ท่องเที่ยวฯ ตัดปัญหา เตรียมยื่นหนังสือนายกฯ -ตั้งสภาวิชาชีพฯ
สัปดาห์ที่ผ่านมา สมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านแนวคิดนำเข้าชาวต่างชาติประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ โดยใช้ชื่อว่า ผู้ประสานงานชาวต่างชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนมัคคุเทศก์ 3 สัญชาติ ได้แก่ จีน เกาหลี และรัสเซีย
โดยสมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์ฯ อ้างว่า แนวคิดดังกล่าวมาจากการหารือระหว่างพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กับผู้บริหารของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการผลักดันแนวคิดทำให้กังวลจะเกิดการแย่งอาชีพคนไทย
(อ่านประกอบ:สมาพันธ์มัคคุเทศก์ค้าน รบ.ให้สิทธิต่างชาติยึดอาชีพ ‘ไกด์’ เเก้ไขขาดเเคลน 3 ภาษา)
ขณะที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรียกประชุมด่วนร่วมกัน 3 ฝ่าย ระหว่างบริษัทนำเที่ยว ตัวแทนมัคคุเทศก์ และกรมการท่องเที่ยว ซึ่งใช้เวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง
แต่ดูเหมือนภายหลังการประชุม นางกอบกาญจน์ ตอบคำถามไม่ได้ว่าจะแก้ไขสารพัดปัญหาของมัคคุเทศก์อย่างไร นอกเสียจากมองว่า เรื่องทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดว่ามัคคุเทศก์ขาดแคลน จึงอยากให้เปลี่ยนมุมมองใหม่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่พูดถึงปัญหาในอดีต แต่ให้มองเฉพาะวันนี้และอนาคต
“วันนี้เราขอใช้คำว่า ‘เซ็ตซีโร่’ หากพบนักท่องเที่ยวสัญชาติใดมีมากขึ้น ซึ่งสมัยก่อนบริษัทท่องเที่ยวอาจติดต่อมัคคุเทศก์ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่หลังจากนี้เข้าใจว่าจะจัดหาให้ได้และตอบโจทย์มากขึ้น แต่กรณีเกิดปัญหาค่อยมาชี้แจงกัน แต่วันนี้ไม่ขอพูดถึงคำว่าขาดแคลน”
(อ่านประกอบ:รมว.ท่องเที่ยว ยันยังไม่นำเข้าชาวต่างชาติเป็นมัคคุเทศก์)
การออกมาชี้แจงของนางกอบกาญจน์ ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้แก่สมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์ฯ ที่มีนายจารุพล เรืองเกตุ เป็นประธาน และเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย ว่าอนาคตจะไม่นำเข้าชาวต่างชาติมาเป็นมัคคุเทศก์
นายจารุพล บอกเล่าถึงบรรยากาศการประชุมว่า เหมือนกำลัง ‘โดนหลอก’ เพราะนางกอบกาญจน์ เรียกประชุมด่วน โดยไม่ให้เตรียมตัว มิหนำซ้ำ ยังประชุมร่วมกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (The Association of Thai Travel Agents:ATTA) ก่อนล่วงหน้า 1 ชั่วโมง
“นางกอบกาญจน์ บอกว่า จะให้ ATTA ออกไปนอกห้องประชุม เพื่อประชุมกับสมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์ฯ ต่างหาก แต่เมื่อถึงเวลากลับให้อยู่ในห้องประชุมต่อเลย”
ทั้งนี้ ยังเกิดคำถามว่า เพราะเหตุใดจึงไม่รอประชุมพร้อมกัน แต่กลับประชุมร่วมกับ ATTA ก่อน และเมื่อเริ่มประชุมกับสมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์ นางกอบกาญจน์ กลับกล่าวเพียงว่า “เราจะไม่พูดถึงประวัติศาสตร์ จะไม่พูดถึงเรื่องเก่า ๆ แต่เราจะเริ่มต้นใหม่ในวันนี้ เซ็ตซีโร่”
นายจารุพล เห็นว่า การไม่ยอมพูดถึงปัญหาที่เรื้อรังมากว่า 20 ปี คือ การตัดปัญหา!!! และหากจะเดินไปข้างหน้าจริง ต้องแก้ปัญหารากเหง้าที่ยังวนเวียนอยู่ที่เดิมก่อนหรือไม่
ขณะที่ในการประชุมวันนั้น ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ได้เสนอมาตรการแก้ไขปัญหาเดิม ๆ โดยให้นำเข้าชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศทำงานประสานกับมัคคุเทศก์ไทย เพื่อพัฒนาให้มีคุณภาพ วนเวียนมาอย่างนี้ไม่เคยได้ผล แต่เป็นการซื้อเวลามากกว่า
“ทุกวันนี้มีมัคคุเทศก์เถื่อนต้มตุ๋นหลอกลวงนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติเข้ามาเป็นมัคคุเทศก์กันเปิดเผย แต่นางกอบกาญจน์กลับไม่แก้ปัญหา แต่เลือกเซ็ตซีโร่ และหากพบเห็นให้แจ้งเพื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าไปดำเนินการ ถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะมี ก.การท่องเที่ยวฯ ไว้เพื่ออะไร จะมีตำรวจท่องเที่ยวไว้เพื่ออะไร”
ที่ประชุมยังพูดถึงคุณภาพอ่อนด้อยของมัคคุเทศก์ไทยด้วย นายจารุพล ไม่เข้าใจทำไมถึงโยนบาปมาให้มัคคุเทศก์เป็นจำเลยตลอด แต่ไม่เคยย้อนมองกลับไปที่ปัญหาว่า 2 ปีที่ผ่านมา ก.การท่องเที่ยวฯ อนุมัติให้สถาบันต่าง ๆเปิดอบรมมัคคุเทศก์บัตรสีชมพู (เฉพาะพื้นที่-ต่างประเทศ) กว่า 2 หมื่นราย สุดท้ายแล้ว ร้อยละ 95 ผลิตออกมาเป็นขยะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทำงานไม่ได้ เป็นเพียงมัคคุเทศก์ที่ค่อยเดินกันตำรวจไม่ให้มัคคุเทศก์เถื่อนถูกจับ!!
คำตอบที่ได้รับจากนางกอบกาญจน์ เพียงว่า หากมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นให้แจ้ง จึงไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดจึงไม่สอบถาม ตรวจสอบว่า ต้นเหตุที่มีการปล่อยให้ผลิตมัคคุเทศก์จำนวนมากออกมาเพราะอะไร นอกเสียจากโยนความผิดมาให้มัคคุเทศก์ไทยว่าด้อยคุณภาพ
“บริษัททัวร์จีน เกาหลี รัสเซีย ล้วนดีทั้งหมด แต่กลับไม่มีบริษัทใดได้พัฒนามัคคุเทศก์ และที่ผ่านมาพบหลายร้อยบริษัทตั้งเล็ก ๆ อยู่ใต้คอนโดโดยมีคอมพิวเตอร์หนึ่งตัว เครื่องปริ้นเตอร์หนึ่งตัว เมื่อถึงฤดูกาลท่องเที่ยวจะมีคนมานั่งทำงานสองคน ทำหน้าที่คอยรับโทรศัพท์แล้วกรอกข้อมูล นี่คือลักษณะการทำทัวร์ของไทย”
นายจารุพล ตั้งคำถามว่า อธิบดีกรมการท่องเที่ยวอนุญาตให้ประกอบกิจการได้อย่างไร และเชื่อหรือไม่ว่า บริษัททัวร์บางแห่ง มีเจ้าของเดียวกันกับอีก 10 บริษัท
“อาชีพมัคคุเทศก์ต้องมีทักษะ มิใช่ได้รับใบอนุญาตแล้วจะขึ้นรถบัสนำทัวร์ได้เลย แต่ต้องคอยตามทัวร์ไปดูก่อน อย่างไรก็ตาม เคยเสนอให้ต้องลงพื้นที่และอบรมด้วย เพื่อประกอบการรับใบอนุญาต แต่กลับถูกปฏิเสธจากรัฐ สถาบันการอบรม และผู้ประกอบธุรกิจ โดยให้เหตุผลว่า เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย เป็นเช่นนี้แล้วจะผลิตมัคคุเทศก์ออกมาอย่างไร แล้วก็บอกว่า มัคคุเทศก์มีไม่เพียงพอ ไม่มีคุณภาพ และโยนความผิดมาที่สมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์” นายจารุพล กล่าว
หลังจากนี้สมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์ฯ จะทำหนังสือร้องเรียนพฤติการณ์ทั้งหมดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเตรียมผลักดันให้เกิดสภาวิชาชีพมัคคุเทศก์ขึ้นต่อไป
ทั้งหมดนี้คือเบื้องหลังการประชุม ซึ่งทุกฝ่ายหวังว่า จะได้รับความจริงใจในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ก่อนที่อนาคตอาชีพมัคคุเทศก์จะถูกกินรวบจากชาวต่างชาติ เพราะถึงเวลานั้นจะกลับตัวคงยากเสียแล้ว .
ภาพประกอบ:เว็บไซต์สนุกดอทคอม