ไอเอสสูญเสียผู้นำ? จับจังหวะรุกเอเชีย
ข่าวใหญ่ในมิติการก่อการร้ายระหว่างประเทศช่วงเวลานี้ คงไม่มีข่าวไหนฮือฮาเท่าการกล่าวอ้างแถลงการณ์ของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ที่ยอมรับว่า นายอาบู บาการ์ อัล-บักดาดี ผู้นำสูงสุดของไอเอส เสียชีวิตลงแล้ว
แถลงการณ์ที่ว่านี้มีเนื้อหาสั้นๆ ระบุว่า นายบักดาดี เสียชีวิตที่เมืองนิเนเวห์ โดยไม่มีรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม แต่ก็มีติ่งห้อยท้ายเอาไว้ว่า จะมีการประกาศชื่อผู้นำสูงสุดคนใหม่เร็วๆ นี้
สำหรับเมืองนิเนเวห์ เป็นเมืองโบราณ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไทกริส อยู่ไม่ห่างจากเมืองโมซุลของอิรัก ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นสำคัญของไอเอส
ข่าวการเสียชีวิตของผู้นำไอเอสมีมาตลอด โดยเฉพาะรัสเซียเคยแถลงข่าวอย่างเป็นทางการมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่เคยมีท่าทีใดๆ จากไอเอส ทำให้หลายฝ่ายโดยเฉพาะสหรัฐไม่ปักใจเชื่อ
แต่ข่าวรอบนี้อ้างว่ามาจากไอเอสเอง และมีข้อมูลยืนยันขานรับจากหลายแหล่ง ทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น
ประเด็นที่น่าสนใจคือ จังหวะก้าวต่อไปของไอเอสคืออะไร หลังจากต้องสูญเสียฐานที่มั่นเกือบหมดในอิรัก และซีเรีย ไม่ว่าจะเป็นเมืองโมซุล รักกา และอเลปโป
แหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานความมั่นคงของไทย วิเคราะห์ว่า แม้จะสูญเสียฐานที่มั่นและผู้นำสูงสุดไปตามที่เป็นข่าว แต่สมาชิกไอเอสยังเหลืออยู่อีกมาก หลังจากนี้น่าจะมีการประกาศตั้งผู้นำคนใหม่ ขณะที่นักรบที่มาจากต่างประเทศจะเดินทางกลับประเทศของตน และเชื่อว่าจะเคลื่อนไหวต่อด้วยการเผยแพร่แนวคิด อุดมการณ์ วิธีการต่อสู้ และสร้างเครือข่ายของตนเองในประเทศบ้านเกิด
"ดูจากที่มาของเหล่านักรบไอเอส มีทั้งยุโรป เอเชียใต้ แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉะนั้นคงมีการแสวงหาพื้นที่หรือฐานที่มั่นใหม่เพื่อจัดตั้งองค์กรหรือเครือข่ายของตัวเองขึ้นมา พื้นที่เป้าหมายน่าจะจะเป็นพื้นที่ที่มีคนมุสลิมอยู่กันอย่างหนาแน่น และมีปัญหาความไม่สงบอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่อำนาจรัฐเข้าไปไม่ถึง ซึ่งที่ผ่านมามีนักวิชาการและผู้เชียวชาญจับตาไปที่อัฟกานิสถาน เยเมน อิรัก ซีเรีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย" แหล่งข่าวระบุ
แน่นอนว่าการแตกตัวของนักรบไอเอสไปอยู่ในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก แล้วเผยแพร่แนวคิดอุดมการณ์ของพวกตนต่อไปภายใต้สถานการณ์โลกที่ยังเต็มไปด้วยความขัดแย้งเช่นนี้ โอกาสที่จะเกิดการขยายตัวของผู้ก่อการร้ายตามลำพัง หรือ "โลนวูล์ฟ" ย่อมมีสูงอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ สำนักงานตำรวจสหภาพยุโรป หรือ "ยูโรโพล" รายงานว่าจำนวนผู้ถูกจับกุมฐานเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสในยุโรป มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 (นับย้อนจากปี 59 ไป 3 ปี)
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของประเทศเพื่อนบ้านไทย ปรากฏขึ้นทันทีหลังมีข่าวการเสียชีวิตของผู้นำไอเอส โดยมาเลเซียได้ประกาศเตือนภัยระดับสูง ซึ่งจริงๆ เป็นมาตรการต่อเนื่องตั้งแต่ไอเอสสูญเสียฐานที่มั่นในตะวันออกกลาง
รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ระบุว่า รายงานข่าวกรองบ่งชี้ว่า กลุ่มนักรบไอเอสกำลังหลบหนีจากจากตะวันออกกลางมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่กลุ่มไอเอสเคยประกาศเอาไว้ว่าจะยึดครองเพื่อตั้ง "รัฐอิสลาม" ฉะนั้นทุกประเทศในย่านนี้ ทั้งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมในระดับสูงสุด ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดการเข้าออกประเทศทุกจุด โดยเฉพาะแนวชายฝั่งรัฐซาบาห์ (ของมาเลเซีย) ด้านฟิลิปปินส์
ส่วนความเคลื่อนไหวของ "พี่ไทย" ล่าสุดยังเงียบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่หวั่นเกรงผลกระทบ ทั้งๆ ที่ไทยมีปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีโอกาสที่อุดมการณ์ไอเอสจะแทรกซึมเข้ามาได้ทุกเมื่อ
ข้อมูลที่น่ากังวลจากฝ่ายความมั่นคงก็คือ คนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่ให้ความสนใจความเคลื่อนไหวของไอเอสมีไม่น้อย พิจารณาจากจำนวนคนที่เข้าไปอ่านข่าวที่เผยแพร่โดยไอเอส ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเกาะติดและติดตามอยู่
ที่สำคัญมีมุมวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญว่า กลุ่มเคลื่อนไหวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยสามารถเป็นพันธมิตรกับไอเอสได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปรวมตัวกับไอเอสเพราะอุดมการณ์แตกต่างกัน แต่อาจเป็นการแสวงหาพันธมิตรหากถูกรุกหนักจากฝ่ายความมั่นคงไทย
"คล้ายๆ พวกอุยกูร์ในซินเจียงของจีน ก็น่าจะเป็นแนวร่วมของไอเอส โดยไม่ได้ไปรวมตัวหรือประกาศสวามิภักดิ์ไอเอส" ผู้เชี่ยวชาญ ระบุ
ถือเป็นสมมติฐานที่น่าจับตาไม่น้อย!
-------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพผู้นำไอเอสจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ