เบื้องหลัง วางหมาก เด้ง 'ศิริชัย'-ตั้งกก.สอบซ้ำ ศึกชิงเก้าอี้ปธ.ศาลฎีกา เจ็บแต่(ไม่)จบ!
"...การเสนอเรื่องโยกย้ายตำแหน่ง นายศิริชัย ไปเป็นที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา ถูกวางหมาก ไว้ตั้งแต่แรกเริ่มต้นในขั้นตอนการเสนอชื่อ นายชีพ จุลมนต์ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ประธานศาลฎีกาคนใหม่ แล้ว ด้วยการเสนอเรื่องให้ที่ประชุม ก.ต. วันที่ 11 ก.ค.2560 เห็นชอบกำหนดตำแหน่ง 'ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา' เทียบเท่ากับตำแหน่ง 'ประธานศาลอุทธรณ์' ของ นายศิริชัย ให้พิจารณา ในช่วงเช้า จากนั้นในช่วงบ่ายก็มีการเสนอเรื่องให้ที่ประชุม ก.บ.ศ.พิจารณาให้ความเห็นชอบกำหนดจำนวน 'ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา' ตามมาตรา 7 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม โดยเห็นสมควรกำหนดเป็นอัตราชั้น 4 จำนวน 1 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.2560 เป็นต้นไป.."
"ภายหลังการประชุม ก.ต. มีการส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ในกลุ่มข้าราชการตุลาการ แจ้งข่าวว่า ที่ประชุม ก.ต.ยังมีมติให้ย้ายตำแหน่ง นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ไปเป็นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา นอกจากนั้น ยังมีกระแสข่าวว่า จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีการกล่าวหา นายศิริชัย เรื่องมีปัญหาในการบริหารศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะเรื่องการเพิกถอนการโอนสำนวนในคดีต่างๆ ด้วย "
คือ ข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวในสำนักงานศาลยุติธรรม เกี่ยวกับมติผลการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2560 ที่ผ่านมา ซึ่งมีวาระสำคัญในการพิจารณาบัญชีโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตุลาการ (บัญชี 1 ครั้งที่ 2) เสนอชื่อ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ประธานศาลฎีกาคนใหม่ อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากที่ประชุม ก.ต. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2560 ที่ผ่านมา มีมติเอกฉันท์ไม่แต่งตั้งนายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ เป็นประธานศาลฎีกาคนใหม่ เนื่องจากเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว แม้จะเป็นผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดก็ตาม
โดยผลการประชุม ก.ต.ครั้งนี้ มีเห็นชอบบัญชีเสนอชื่อ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ประธานศาลฎีกาคนใหม่ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรม เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2560 เป็นต้นไป และยังมีมติ ให้โยกย้ายตำแหน่ง นายศิริชัย ไปเป็นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา พร้อมกระแสข่าวว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีการกล่าวหา นายศิริชัย เรื่องมีปัญหาในการบริหารศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะเรื่องการเพิกถอนการโอนสำนวนในคดีต่างๆ ด้วย
ขณะที่แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรม ยังระบุด้วยว่า ตำแหน่งที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา ไม่เคยมีมาก่อน ในประวัติศาศาสตร์การแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งของตุลาการศาลยุติธรรม เป็นตำแหน่งที่กำหนดขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะกรณีนี้
(อ่านประกอบ : สะพัด! ก.ต.เด้ง 'ศิริชัย' พ้น ประธานศาลอุทธรณ์นั่งที่ปรึกษาปธ.ฎีกา-ตั้ง กก.สอบซ้ำ)
เบื้องต้น แม้ในเอกสารแถลงข่าวของ สำนักงานศาลยุติธรรม เกี่ยวกับผลการประชุม ก.ต. เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2560 ที่ผ่านมา จะระบุเพียงแค่มติเห็นชอบในการโยกย้าย นายชีพ จุลมนต์ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ประธานศาลฎีกาคนใหม่ แบบเป็นเอกฉันท์ เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ในทางวิชาการคดี เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการตุลาการ และเป็นไปตามลำดับอาวุโส
อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานข้อมูลตรงกันว่า ในการประชุม ก.ต.เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2560 ที่ผ่านมา ที่มีนายวีระพล ตั้งสุวรรณประธานศาลฎีกา เป็นประธานการประชุม ก.ต. ที่ประชุมได้มีการอภิปรายถึงการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นอันสืบเนื่องจากกรณีที่นายศิริชัย ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ให้ขึ้นเป็นประธานศาลฎีกาเนื่องจากคุณสมบัติไม่เหมาะสม จากเหตุของการปฏิบัติราชการ ซึ่งมีต้นเรื่องมาจากรายงานความเห็นการกลั่นกรองคุณสมบัติโดยคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมด้วย ซึ่งที่ประชุม ก.ต.เสียงข้างมาก มีความเห็นเสนอว่าควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้น
ขณะเดียวกันในที่ประชุม ก.ต.ยังมีการอภิปราย ที่จะเสนอให้คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) จัดสรรตำแหน่ง “ ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา” ขึ้นมาในการโยกย้ายครั้งใหม่นี้ด้วย ซึ่งหากมีการเปิดตำแหน่งนี้ขึ้นมาก็จะเป็นครั้งแรก
รายงานข่าวยังแจ้งด้วยว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ได้มีการประชุม ก.บ.ศ. ที่มีนายวีระพล ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ก.บ.ศ. เพื่อพิจารณาเรื่องที่ประชุม ก.ต.เสนอการจัดสรรตำแหน่ง ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกาขึ้นมาด้วย แต่ยังไม่มีท่าทีชัดเจนออกมาจากที่ประชุม ก.บ.ศ.ว่าจะดำเนินการเปิดตำแหน่งนี้เมื่อใด อย่างไร
อย่างไรก็ดีสำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษานั้น หลังจากที่มีการแต่งตั้งประธานศาลฎีกาแล้ว ก.ต.จะประชุมเพื่อพิจารณาบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย สับเปลี่ยนตำแหน่งอื่นๆ ต่อไป โดยจะมีตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา และผู้พิพากษาระดับชั้นต่างๆ ซึ่ง ก.ต. จะประชุมอีกครั้งในจันทร์วันที่17ก.ค.นี้ เวลา09.30น. ต้องรอดูว่าจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์นี้ด้วยหรือไม่ (อ้างอิงข้อมูลส่วนนี้ จากคมชัดลึก http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/287046)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจาก แหล่งข่าวสำนักงานศาลยุติธรรม ว่า การเสนอเรื่องโยกย้ายตำแหน่ง นายศิริชัย ไปเป็นที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา ถูกวางหมากไว้ตั้งแต่แรกเริ่มต้น ขั้นตอนการเสนอชื่อ นายชีพ จุลมนต์ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ประธานศาลฎีกาคนใหม่ แล้ว
ด้วยการเสนอเรื่องให้ที่ประชุม ก.ต. วันที่ 11 ก.ค.2560 เห็นชอบกำหนดตำแหน่ง 'ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา' เทียบเท่ากับตำแหน่ง 'ประธานศาลอุทธรณ์' ของ นายศิริชัย ให้พิจารณา ในช่วงเช้า
จากนั้นในช่วงบ่ายก็มีการเสนอเรื่องให้ที่ประชุม ก.บ.ศ.พิจารณาให้ความเห็นชอบกำหนดจำนวน 'ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา' ตามมาตรา 7 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (มาตรา 7 ระบุ ให้คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำหนดจำนวนผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมให้เหมาะสมตามความจำเป็นแห่งราชการ) โดยเห็นสมควรกำหนดเป็นอัตราชั้น 4 จำนวน 1 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.2560 เป็นต้นไป
โดยการเสนอเรื่องเสนอกำหนดจำนวน 'ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา' ต่อที่ประชุม ก.บ.ศ. มีการอ้างอิงมติ ที่ประชุม ก.ต. เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2560 ประกอบ ระบุชัดเจนว่า ที่ประชุมเห็นชอบเรื่องการกำหนดตำแหน่ง 'ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา' เทียบเท่ากับตำแหน่ง 'ประธานศาลอุทธรณ์' แล้ว ด้วย (ดูภาพเอกสารเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม ก.บ.ศ. ประกอบ)
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การดำเนินการเรื่องนี้ เกิดขึ้นในการประชุม ก.ต.ซึ่งมีวาระการพิจารณาเรื่องเสนอชื่อ นายชีพ จุลมนต์ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ประธานศาลฎีกาคนใหม่ และเป็นช่วงหลังจากที่ นายศิริชัย ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติเอกฉันท์ไม่แต่งตั้งนายศิริชัย ขึ้นเป็นประธานศาลฎีกา เนื่องจากเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว แม้จะเป็นผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดก็ตาม
โดยในการแถลงข่าวครั้งนั้น นายศิริชัย ได้ชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาว่า มีการเพิกถอนโอนสำนวนคดียาเสพติดโดยมิชอบนั้น ว่า เป็นการตีความคนละแบบระหว่างความเห็นของตน กับของคณะอนุกรรมการ ก.ต. เป็นเรื่องการตีความข้อกฏหมาย แต่ยืนยันว่า ไม่ได้เพิกถอนหรือโอนสำนวนคดีโดยมิชอบอย่างที่ถูกกล่าวหา และการกระทำที่ผ่านมาไม่ได้ผิดระเบียบแต่อย่างใด และปัจจุบันไม่ได้ถูกดำเนินการทางวินัยจากกรณีดังกล่าวด้วย
นายศิริชัย ยังระบุด้วยว่า ตามที่มีหนังสือพิมพ์บางฉบับเขียนข่าวลักษณะว่าตนจะฟ้องคณะกรรมการ ก.ต. ที่มีมติไม่แต่งตั้งตนเป็นประธานศาลฎีกา และมีการคาดเดาว่า หากไม่ได้เป็นประธานศาลฎีกาแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนนั้น เรียนว่า ตามระบบศาลยุติธรรม คณะกรรมการ ก.ต. มีหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตุลาการ และคำวินิจฉัยถือเป็นที่สุด ไม่สามารถอุทธรณ์ หรือฎีกาได้ ดังนั้นจึงไม่อาจทบทวนได้อีก ตนทำงานในศาลยุติธรรมมานานหลายสิบปี จึงรู้กติกาดี เมื่อ ก.ต. มีมติไม่เห็นชอบ ก็ยอมรับตามเหตุผลที่ว่าตนไม่เหมาะสม เคารพมติของ ก.ต. ไม่ติดใจ และไม่ฟ้อง ก.ต. แต่อย่างใด
นายศิริชัย ยังระบุด้วยว่า ส่วนการคาดเดาว่าตนจะไปอยู่ที่ไหนต่อนั้น เรียนว่า ตามแนวปฏิบัติก่อนหน้านี้ มีข้าราชการตุลาการหลายรายที่อาวุโสสูงสุดเคยถูกเสนอชื่อเป็นประธานศาลฎีกา แต่ ก.ต. ไม่เห็นชอบ เมื่อได้เป็นประธานศาลฎีกา ก็ทำงานตามตำแหน่งเดิมต่อไป ตนเป็นประธานศาลอุทธรณ์ ก็ทำหน้าที่เดิม ไม่มีแนวทางอย่างอื่น
ส่วนความรู้สึกที่ไม่ได้รับเลือกเป็นประธานศาลฎีกา นั้น นายศิริชัย กล่าวว่า เป็นธรรมดา ก็รู้สึกบ้าง แต่ไม่ได้คิดอะไร จบแล้วก็จบ เคารพกติกา เมื่อไม่ได้รับเลือกเป็นประธานศาลฎีกา ก็กลับมาทำตำแหน่งเดิมต่อไป
“ในใจลึก ๆ ถ้าได้เป็นประธานศาลฎีกา ก็เป็นประธานศาลฎีกาคนแรกที่จบจากคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง แต่มันเป็นเรื่องของวาสนา ไม่ได้คิดอะไรมาก รู้สึกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร”
เมื่อถูกถามว่า จะลาออกหรือไม่นั้น นายศิริชัย กล่าวว่า ไม่ลาออก จะอยู่ทำงานรับใช้ประชาชนต่อไป และทำไปเรื่อย ๆ แม้หมดวาระแล้ว อาจทำหน้าที่ต่อในฐานะผู้พิพากษาอาวุโส
ขณะที่ในระหว่างการแถลงข่าว นายศิริชัย ขอให้ผู้สื่อข่าวงดการบันทึกเทปโทรทัศน์ และงดบันทึกเสียง เพื่อพูดคุยบางประเด็นที่อาจส่งผลกระทบ หรือทำให้สังคมเข้าใจผิดได้ด้วย (อ่านประกอบ : อยู่ที่วาสนา! ‘ศิริชัย’เคารพมติ ก.ต.ไม่เลือกนั่ง ปธ.ศาลฎีกา ปัดฟ้องกลับ-ลาออก)
ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 12 ก.ค. นี้ เวลา 11.00 น. นายศิริชัย จะขอแถลงข่าวกรณีที่ทราบข่าวเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) จะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยจะแถลงที่ห้องทำงานชั้น 3 อาคารศาลอุทธรณ์ ถ.รัชดาภิเษก
ส่วนผลการแถลงข่าวจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น คงต้องรอฟังกันต่อไป
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นายศิริชัย ณ ขณะนี้ ถูกมองแบบฟันธงกันไปแล้วว่า ศึกชิงเก้าอี้ประธานศาลฎีกาครั้งนี้ นอกจาก 'เจ็บ' แล้ว เรื่องยังไม่จบลงง่ายๆ แน่นอน
อ่านประกอบ :
อยู่ที่วาสนา! ‘ศิริชัย’เคารพมติ ก.ต.ไม่เลือกนั่ง ปธ.ศาลฎีกา ปัดฟ้องกลับ-ลาออก
‘ศิริชัย' ร้องขอความเป็นธรรม ปธ.ศาลฎีกา-เข้าชี้แจงก.ต.ปมถูกร้องเพิกถอนโอนสำนวน!
สนง.ศาลยุติธรรม ตั้งแท่นชงชื่อ 'ชีพ จุลมนต์' ปธ.ศาลฎีกาคนใหม่แล้ว
ระวัง! ซ้ำรอยวิกฤตตุลาการ เมื่อ อนุก.ต.ไม่เห็นชอบเสนอชื่อ'ศิริชัย วัฒนโยธิน' ปธ.ศาลฎีกา