ป.ป.ช.ร้อง-ศาล ปค.รื้อคดี‘ศิโรตม์’ ปมถอนคำสั่งปลดราชการ-หลังถูกฟันละเว้นภาษีหุ้นชินฯ
ศาลปกครองสูงสุดรับคำร้อง ป.ป.ช. สั่งรื้อคดี ‘ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์’ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ถูกชี้มูลผิดละเว้นไม่เก็บภาษีหุ้นชินฯ ‘บรรพจน์-พจมาน’ ปลัดคลังลดโทษจากไล่ออกเหลือปลดออก แต่ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนคำสั่งปลดออก เป็นให้คืนสิทธิประโยชน์
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในวันที่ 12 ก.ค. 2560 ศาลปกครองกลางนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ในคดีที่นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ผู้ฟ้องคดี กับปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดี กรณีถูกลงโทษปลดออกจากราชการ สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายศิโรตม์ กับพวก กรณีไม่เรียกเก็บภาษีเงินได้จากนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ (พี่ชายบุญธรรม คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร) ที่รับโอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จาก น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี ผู้ถือหุ้นแทนคุณหญิงพจมาน โดยมิชอบ
กรณีนี้นายศิโรตม์ได้ยื่นต่อศาลปกครองกลางว่า ปลัดกระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ได้ลดโทษลงจากไล่ออกเป็นปลดออก อย่างไรก็ดีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งปลดออกจากราชการ และคืนสิทธิประโยชน์แก่นายศิโรตม์ คดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่า เป็นบุคคลภายนอกมีส่วนได้ส่วนเสีย และถูกกระทบจากคำพิพากษา แต่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำร้องดังกล่าว โดยเห็นว่า ไม่ได้วินิจฉัยก้าวล่วงถึงกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. และไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการดำเนินการของ ป.ป.ช. ประกอบกับไม่ปรากฏว่า การพิจารณาของศาลที่ได้ดำเนินการไปแล้วนั้น เข้าหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการขอพิจารณาคดีใหม่ แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ต่อมา ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองกลาง เป็นให้รับคำร้องของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไปตามรูปคดี เนื่องจากกรณีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบและแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจากผู้ถูกกล่าวหา (นายศิโรตม์) และพยานบุคคล รวมถึงพยานเอกสาร หลักฐาน จึงเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการชี้มูลความผิดมาตั้งแต่ต้น จึงมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับการวินิจฉัย หรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีได้ ดังนั้นที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไมรับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไว้พิจารณานั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2549 ชี้มูลความผิดนายศิโรตม์ กับพวกทั้งทางอาญา และทางวินัยอย่างร้ายแรง โดยพิจารณาจาก 2 ประเด็นคือ การรับโอนหุ้นชินคอร์ปของนายบรรณพจน์ จาก น.ส.ดวงตา ผู้ถือหุ้นแทนคุณหญิงพจมาน ที่ถูกอ้างว่าเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 42 (10) แห่งประมวลรัษฎากรนั้น เห็นว่า การโอนหุ้นให้กันเป็นการทำนิติกรรมอำพราง ผู้โอนและผู้รับโอนมีเจตนาไม่สุจริตตั้งแต่แรก ไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ และรู้ว่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้รับการยกเว้นภาษี และผิดปกติวิสัยวิญญูชนทั่วไป หากทราบว่า กรณีดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี เหตุใดไม่ทำแบบตรงไปตรงมา และการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นเงิน 7.3 ล้านบาท พิจารณาแล้วเห็นว่า การรับหุ้นของนายบรรณพจน์ ดังกล่าว ไม่เป็นเงินที่ได้รับโดยเสน่หา เนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี
นอกจากนี้การที่นายศิโรตม์ กับพวก ร่วมกันพิจารณาว่า การโอนหุ้นดังกล่าวได้รับการยกเว้นภาษีนั้น เป็นการกระทำฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า การใช้ดุลยพินิจของนายศิโรตม์ กับพวก เป็นการวินิจฉัยโดยมิได้คำนึงถึงเหตุผล ความเป็นจริง ผลประโยชน์ของรัฐ และสาธารณชนเป็นสำคัญ เป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่เป็นไปตามหลักกฏหมายอย่างแท้จริง
ส่วนนายศิโรตม์ ในฐานะรองอธิบดีกรมสรรพากร (ขณะนั้น) ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ และแจ้งสำนักตรวจสอบภาษี ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ มีผลประโยชน์เกี่ยวพันกับเงินภาษีจำนวนถึง 270 ล้านบาทเศษ อันเป็นการใช้ดุลยพินิจตัดสินใจซึ่งผิดวิสัยของวิญญูชนทั่วไปที่พึงปฏิบัติ ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาที่พยายามดึงดันการพิจารณาให้การโอนหุ้นดังกล่าว เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีให้ได้ เป็นการพิจารณาโดยไม่คำนึงถึงหลักกฎหมาย แนวทางปฏิบัติ ในอันที่จะรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และสาธารณชน
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายศิโรตม์ จาก ผู้จัดการออนไลน์