ยิ่งปิดกั้นสื่อ ยิ่งคอร์รัปชันมาก
รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ (2501 - 2506) ถูกประเมินว่า “มีการโกงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย” วัดจากเงินที่โกงไปแล้วคิดตามเปอร์เซ็นต์ของ จีดีพี ในปีนั้นๆ ซึ่งเทียบแล้วมากกว่ายุครัฐบาลพลเอกชาติชาย (2531 - 2534) ที่สื่อมวลชนมีเสรีภาพมาก ทำให้เรื่องอื้อฉาวของนักการเมืองและนายทุนพรรคถูกนำข้อมูลมาเปิดเผยสู่สาธารณะจำนวนมาก
จนคนไทยได้รับรู้ถึงเหตุการณ์บุฟเฟต์ คาบิเนต หรือรัฐบาลมือใครยาวสาวได้สาวเอา ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลยุคพรรคการเมืองเข้มแข็งที่การโกงถูกยกระดับให้กลายเป็นคอร์รัปชันเชิงนโยบายและทำให้ข้าราชการจำนวนมากต้องไปเข้าสังกัดภายใต้เครือข่ายอุปถัมภ์ของนักการเมือง
ศ.ดร. ผาสุก พงษ์ไพจิตร ให้ความเห็นต่อปรากฏการณ์นี้ว่า มีความแตกต่างประการสำคัญที่เห็นได้คือ ในยุคเผด็จการ สื่อขุดคุ้ยไม่ได้ประชาชนพูดไม่ได้ คือคนไม่รู้ถึงรู้ก็ทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลยุคต่อๆ มาก็มักพยายามทำในทำนองเดียวกัน พูดอย่างนี้จะเห็นว่าในยุคประชาธิปไตย ประชาชนเปิดหูเปิดตาได้มากกว่า เพราะสื่อมวลชนและเครื่องมือสื่อสารยุคใหม่ในมือประชาชนทำให้การตรวจสอบที่นำไปสู่การต่อต้านด้วยพลังประชาชนเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาคอร์รัปชันจึงกว้างขวางและทรงพลังกว่า
เมื่อสื่อมวลชนมีบทบาทในการตีแผ่ข้อมูลมากขึ้น ย่อมทำให้คนไทยได้รับรู้และเข้าใจพฤติกรรมที่คอร์รัปชันดีขึ้น แม้ผู้มีอำนาจจะพยายามแทรกแซงปิดกั้นกลไกควบคุมและระบบตรวจสอบของรัฐก็ตาม เห็นได้จากรายงานของสถาบันทีดีอาร์ไอ ที่ระบุว่า เกิดคดีคอร์รัปชันใหญ่ๆ ระหว่างปี พ.ศ. 2530 ถึง 2559 ที่ตกเป็นข่าวตามสื่อมวลชนไม่น้อยกว่า 110 คดี สร้างความเสียหายให้ประเทศรวมกันมากถึง 9.8 แสนล้านบาท นี่ยังไม่นับรวมที่ปรากฏตามโซเชียลมีเดียอย่าง 'เพจหมาเฝ้าบ้าน' ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ที่มีการชี้เบาะแสเรื่องไม่ชอบมาพากลอีกหลายร้อยกรณีในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา
ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้กล่าวถึงผลการศึกษาของนักวิชาการจากต่างประเทศที่สอดคล้องกับประเด็นนี้ว่า “ถ้าลดเสรีภาพของประชาชน 1 ส่วน จะเพิ่มโอกาสในการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ส่วน” ดังนั้น ถ้าต้องการขจัดทุจริตที่ต้นเหตุจริงๆ ก็ต้องเลิกกฎหมายที่ไปจำกัดเสรีภาพของประชาชนโดยไม่จำเป็น
การสร้างระบบที่ทำให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้มีการตรวจสอบได้โดยเสรี จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คนไทยต้องร่วมมือกันเพื่อมิให้มีการปิดกั้นพลังประชาชนในการต่อต้านคอร์รัปชัน
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
9/7/60
หมายเหตุ
1. คุณบรรยง พงษ์พานิช กรุณาส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า มูลค่า GDP. ใน สมัยสฤษดิ์ 2502 = 2.7 Billion US. $ น้าชาติ 2531= 61.7 Billion US. $ ทักษิณ 2544 = 173 billion US. $
2. มีงานวิจัยที่ยืนยันว่า ที่ผ่านมาความเสียหายของประเทศจากการคอร์รัปชันเพิ่มมากขึ้นมาโดยตลอด แม้คอร์รัปชันของคนบางกลุ่ม บางประเภทจะชะลอลงในบางช่วงเวลา
3. งบประมาณของแผ่นดินที่ถูกใช้ในการป้องกันปราบปรามคอร์รัปชันเพิ่มมากขึ้นทุกปี