สมาพันธ์มัคคุเทศก์ค้าน รบ.ให้สิทธิต่างชาติยึดอาชีพ ‘ไกด์’ เเก้ไขขาดเเคลน 3 ภาษา
สมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์ฯ ยื่นหนังสือ รบ. สัปดาห์หน้า ค้านนโยบายนำคนต่างชาติประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ในไทย หวังเเก้ไขปัญหาขาดเเคลน 3 ภาษา จีน-เกาหลี-รัสเซีย 'จารุพล เรืองเกตุ' ยันมีเพียงพอ จี้กรมการท่องเที่ยวจัดอบรมพัฒนาศักยภาพเเทน
วันที่ 9 ก.ค. 2560 สมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวคัดค้านข้อหารือร่วมระหว่าง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีกับผู้บริหารกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมนำคนต่างชาติเข้ามาประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลน 3 ภาษา คือ จีน เกาหลี และรัสเซีย เรียกว่า ผู้ประสานงานชาวต่างชาติ
นายจารุพล เรืองเกตุ ประธานสมาพันธ์สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวยืนยันไทยไม่ขาดแคลนมัคคุเทศก์ แต่ปัญหาอยู่ที่วิธีการจ้างงาน เพราะปัจจุบันบริษัทนำเที่ยวไม่ให้ค่าจ้าง มิหนำซ้ำบางบริษัท ยังให้มัคคุเทศก์รับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางอย่างแทน เช่น ค่าเข้าชม ค่าทางด่วน เมื่อเป็นเช่นนี้คงไม่มีใครอยากมาประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ เพราะไม่มีความเสมอภาคและความยุติธรรมในการประกอบธุรกิจ
อีกทั้งจะเห็นว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา หลายบริษัทขาดการพัฒนาศักยภาพมัคคุเทศก์ของตัวเอง หรือไม่มีมัคคุเทศก์ประจำเลย ดังนั้น ทั้งหมดจึงเป็นปัญหาของบริษัทนำเที่ยว ประกอบกับการเติบโตแบบฟองสบู่ สร้างราคาท่องเที่ยวในราคาถูก ส่งผลเอื้อต่อการสร้างรายได้เถื่อน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลกลับไม่แก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์หน้าจะเข้ายื่นหนังสือต่อพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนางกรกช โขนงนุช นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวว่า การนำคนต่างชาติเข้ามาเป็นมัคคุเทศก์หรือผู้ประสานงานชาวต่างชาติ ไม่ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนได้ ตรงกันข้ามจะเป็นการสร้างปัญหามากขึ้น ทำให้เกิดการใช้ไทยเป็นแหล่งทำรายได้กลับไปยังประเทศตนเอง และจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวตกเป็นของประเทศไทยน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ทรัพยากรทางการท่องเที่ยวของไทย อีกทั้ง คนต่างชาติที่ทำหน้าที่มัคคุเทศก์ไม่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมประเพณีไทยถ่องแท้ ทำให้มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับไทยผิดหรือบิดเบือน
“กรณีการขาดแคลนมัคคุเทศก์ ในภาษาที่ขาดแคลน กรมการท่องเที่ยวสามารถจัดให้มีการฝึกอบรมภาษาต่างประเทศ ภาษาที่ 2 กับผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมัคคุเทศก์อยู่แล้วได้ เพื่อเป็นการต่อยอดและพัฒนาศักยภาพของมัคคุเทศก์ไทย และยังใช้เวลาน้อยในการฝึกอบรมน้อยกว่าการฝึกอบรมให้กับผู้ที่จะเข้ามาอบรมใหม่” นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าว และว่า อีกกรณีรัฐอาจเปิดโอกาสให้ผู้มีสัญชาติไทยและมีความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ แต่ขาดวุฒิการศึกษา มาฝึกอบรมเป็นมัคคุเทศก์ได้ ดีกว่าการนำคนต่างชาติมาประกอบอาชีพนี้แทน ซึ่งมองว่าไม่มีความจำเป็นและมีเหตุผลเพียงพอ
นางกรกช ยังกล่าวถึงจำนวนมัคคุเทศก์ว่า ข้อมูลจากสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว มีมัคคุเทศก์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมัคคุเทศก์จนถึงสิ้นปี 2559 จำนวน 76,329 คน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นมัคคุเทศก์บัตรบรอนซ์เงิน (ทั่วไป-ต่างประเทศ) จำนวน 52,387 คน บัตรชมพู (เฉพาะพื้นที่-ต่างประเทศ) จำนวน 18,123 คน รวมเป็น 70,510 คน ส่วนที่เหลือเป็นมัคคุเทศก์ประเภทอื่น ๆ
ขณะที่ นายสมเชาว์ โกศล นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า รัฐบาลกำลังหยิบยื่นอาวุธให้โจรมาปล้นวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งมัคคุเทศก์ถือเป็นตัวแทนของวัฒนธรรม โดยขณะที่รัฐบาลออกกฎหมายปลดอาวุธ โดยไม่สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพให้แก่มัคคุเทศก์ไทย แต่กลับมอบอาวุธให้แก่คนต่างชาติ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ทราบได้ว่าเป็นบุคคลประเภทใด แต่เมื่อมาอยู่ในวงการท่องเที่ยวบอกว่าเป็นมัคคุเทศก์
ทางออกรัฐจึงควรกำหนดนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการท่องเที่ยว โดยการกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเร่งปราบปรามบริษัทนำเที่ยวนอมินีของชาวต่างชาติ ที่นำนักท่องเที่ยวซื้อทัวร์ราคาถูก และนำมาหาผลประโยชน์ในร้านค้าและห้างร้านของตัวเอง และต้องการแก้ไขปัญหานี้ควรให้มัคคุเทศก์เป็นฝ่ายร่วมด้วย มิใช่รัฐบาลปรึกษาหารือกับบริษัทนำเที่ยวฝ่ายเดียว และสนับสนุนให้ตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวปฏิบัติและประกอบธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ .