ธพว.แพ้คดีในศาลอุทธรณ์ต้องใช้หนี้แบงก์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด 6 พันล.
กก.ผจก.เอสเอ็มอีแบงก์ ร่อนสารแจ้งข่าว ศาลอุทธรณ์สั่งชดใช้หนี้ค่าเสียหาย ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด 6,000 ล. ตามสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย บนบัตรเงินฝากชนิดดอกเบี้ยลอยตัว หลังชนะในศาสชั้นต้น แจ้งบอร์ด-รมว.คลัง-ธปท. ปลุกขวัญพนักงานฐานการเงินแกร่ง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่าเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2560 นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ได้ออกสารกรรมการผู้จัดการแจ้งพนักงาน ธพว. ว่า กรณีธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SBCT) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องธนาคารเป็นจำเลย เพื่อเรียกค่าเสียหายตามสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate /IRS) บนบัตรเงินฝากชนิดดอกเบี้ยลอยตัว (FRCD) จำนวนคดีมีทุนทรัพย์รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท มีการสู้คดีที่ศาลชั้นต้น ผลคำพิพากษายกฟ้องเมื่อปี 2558
และล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2560 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ธนาคารชำระหนี้ตามจำนวนดังกล่าว
นายมงคลระบุว่า ขอให้เชื่อมั่นต่อฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากผลดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2559 ธนาคารมีกำไรสูงถึง 1,600 ล้านบาท ยังมีเงินกองทุนและเงินสำรองหนี้ส่วนเกินรองรับความเสียหายที่เพียงพอเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ BIS Ratio ตามเกณฑ์ Basel’ II ไว้ที่ร้อยละ 8.5 ขณะนี้ ธนาคารมีกองทุนชั้นที่ 1 ณ มี.ค.2560 ที่ร้อยละ 11.55 และกรณีเมื่อมีการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในกองทุนชั้นที่ 2 ก็จะมีกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 รวมกันเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 12 ซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินมีเพียงพอต่อการชำระหนี้ตามความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น หากผลคำพิพากษาศาลฎีกาให้ธนาคารต้องชำระหนี้โดยยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงิน ผู้ฝากเงินหรือเจ้าหนี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ส่วนการขับเคลื่อนองค์กรยังคงดำเนินงานเป็นไปตามแผนพันธกิจที่กำหนดไว้ตามปกติต่อไป รวมถึงความพร้อมในการสานต่อนโยบายภาครัฐ เพื่อยกระดับผลักดันเศรษฐกิจฐานรากให้มีศักยภาพเดินหน้าก้าวสู่ยุค 4.0
มีรายละเอียดดังนี้
สารกรรมการฉบับนี้ เป็นเรื่องธุรกรรมที่สืบเนื่องจากปี 2549 กรณีธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SBCT) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องธนาคารเป็นจำเลย เพื่อเรียกค่าเสียหายตามสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate /IRS) บนบัตรเงินฝากชนิดดอกเบี้ยลอยตัว (FRCD) จำนวนคดีมีทุนทรัพย์รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท มีการสู้คดีที่ศาลชั้นต้น ผลคำพิพากษายกฟ้องเมื่อปี 2558 และล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2560 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ธนาคารชำระหนี้ตามจำนวนดังกล่าว
ทันทีที่ผมทราบเรื่อง ได้ดำเนินการแจ้งให้บอร์ดธนาคารรับทราบในวันนั้น และเช้าวันรุ่งขึ้นผมได้เดินทางเข้าพบท่านประธานกรรมการธนาคาร ในฐานะปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรายงานให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยวันนี้ 27 มิ.ย. 2560 จะนำเสนอแนวทางดำเนินงานด้านกฎหมายต่อคณะกรรมการบริหาร และวันที่ 28 มิ.ย. 2560 จะนำมติจากคณะกรรมการบริหารเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร สรุปแผนแนวทางปฏิบัติงานด้านกฎหมายและที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้สิทธิต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อไป ไม่ว่าผลของคดีจะเป็นอย่างไร เราจะต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายและผลพิพากษาและต้องพร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ผมขอให้พวกเราเชื่อมั่นต่อฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากผลดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2559 ธนาคารมีกำไรสูงถึง 1,600 ลบ. ยังมีเงินกองทุนและเงินสำรองหนี้ส่วนเกินรองรับความเสียหายที่เพียงพอเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ BIS Ratio ตามเกณฑ์ Basel’ II ไว้ที่ร้อยละ 8.5 ขณะนี้ธนาคารมีกองทุนชั้นที่ 1 ณ มี.ค. 2560 ที่ร้อยละ 11.55 และกรณีเมื่อมีการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในกองทุนชั้นที่ 2 ก็จะมีกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 รวมกันเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 12 ซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินมีเพียงพอต่อการชำระหนี้ตามความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหากผลคำพิพากษาศาลฎีกาให้ธนาคารต้องชำระหนี้โดยยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงิน ผู้ฝากเงินหรือเจ้าหนี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ส่วนการขับเคลื่อนองค์กรยังคงดำเนินงานเป็นไปตามแผนพันธกิจที่กำหนดไว้ตามปกติต่อไป รวมถึงความพร้อมในการสานต่อนโยบายภาครัฐ เพื่อยกระดับผลักดันเศรษฐกิจฐานรากให้มีศักยภาพเดินหน้าก้าวสู่ยุค 4.0
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สืบเนื่องมาจากในอดีตตั้งแต่ปี 2549 ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ผมอยากให้พวกเราอย่ามองว่าเป็นวิกฤตเพียงอย่างเดียว เราต้องร่วมใจช่วยกันพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเพื่อร่วมกันสร้างความมั่นคงให้กับธนาคารและพวกเราเอง ซึ่งที่ผ่านมาผลงานของธนาคารเราก็ได้รับความชื่นชนอยู่แล้วระดับหนึ่ง แต่ผลงานหลังจากนี้จะเป็นตัวชี้วัดถึงความสามารถของพวกเราอย่างแท้จริง ด้วยภารกิจที่เพิ่มขึ้นต้องเตรียมการชำระหนี้หากเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ดังนั้น เราต้องขยันทำงานให้มากขึ้น ช่วยกันมัธยัสถ์ประหยัด ช่วยกันดูแลพัฒนาบ้านหลังให้แข็งแร่งมั่นคงไปด้วยกัน สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้กับทุกสถานการณ์ เราต้องมาร่วมสร้างความเชื่อใจ ความไว้วางใจให้แก่ผู้กำกับดูแล ผู้ฝากเงิน เจ้าหนี้ ลูกค้า หน่วยงานพันธมิตร และผู้ประกอบการ ทั้งนี้ เรายังมีเวลาในการต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาตามกระบวนการของกฎหมาย และหลังจากที่ประชุมบอร์ดธนาคารแล้ว ผมจะนำข้อสรุปมาแจ้งให้พวกเราทราบกันต่อไปครับ
อ่านประกอบ:
เผยโฉม!เบนซ์ ปธ.บอร์ด ธพว. ชนวนถูกร้อง ป.ป.ช.สอบ 'รับ-ไม่รับ' ปย. เอกชน
ยื่น ป.ป.ช.สอบ ปธ.บอร์ด ธพว.เปลี่ยน‘รถประจำตำแหน่ง’จากALPHARD เป็น‘เบนซ์’
เปิดข้อมูล จ่ายค่าตอบแทน จนท.ธพว. สูงสุด 107,750 บ. ก่อนถูก สตง. สั่งคืนเงิน
เปิดชื่อบอร์ด ธพว.10คนกรณีเงินกู้โรงสี NPL125 ล.-ปมใหม่Conflict of Interest?
'คลัง'ขยับสอบ-สั่งแจง ปม ธพว.อุ้ม บ.พายัพ ไม่ถูกฟ้องฉ้อโกง -'สาลินี'เลี่ยงตอบคำถาม