ป.ป.ท.อัพเดตคดีโกงข้าวรัฐคืบ 70% เสียหาย 1.4 แสนล.-พบ จนท.เอี่ยว 139 ราย
ป.ป.ท. อัพเดตความคืบหน้าคดีโกงข้าวในคลังสินค้ารัฐ คืบหน้าแล้ว 70% รวม 990 คดี เสียหายเบื้องต้น 1.4 แสนล้าน อคส. 720 คดี 1.19 แสนล้าน อ.ต.ก. 270 คดี 2.7 หมื่นล้าน รวมผู้ถูกกล่าวหา 139 ราย แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 211 คดี
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2560 นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มอบหมายให้ พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ในฐานะประธานอนุกรรมการกำกับและประสานการดำเนินงานการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้าของรัฐ พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีทุจริตดังกล่าวของสำนักงาน ป.ป.ท. เขตพื้นที่ 7 โดยมีการเชิญผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวจำนวน 5 คดี
ทั้งนี้สำนักงาน ป.ป.ท. รับสำนวนการสอบสวนคดีทุจริตการเก็บรักษาข้าวในคลังสินค้าของรัฐที่ส่งมาจากพนักงานสอบสวนในพื้นที่ต่าง ๆ รวม 36 จังหวัด และคณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจำนวน 990 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 147,259,065,108 บาท รวมปริมาณข้าวที่เสียหาย 41,551,117 ตัน ได้แก่
1.องค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 720 คดี มูลค่าความเสียหาย 119,985,921,640 บาท มีปริมาณข้าวได้รับความเสียหาย จำนวน 39,108,092 ตัน
2.องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 270 คดี มูลค่าความเสียหาย 27,273,143,468 บาท มีปริมาณข้าวได้รับความเสียหาย จำนวน 2,443,024 ตัน
มีจำนวนผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมจำนวน 139 คน เป็นเจ้าหน้าที่ อคส. จำนวน 93 คน และเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก. จำนวน 46 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการ ป.ป.ท. เริ่มดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีเหล่านี้ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. 2560 โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร่วมกันดำเนินการ ภาพรวมความคืบหน้าของการดำเนินคดีในแต่ละคดีประมาณร้อยละ 70 ขณะนี้อยู่ระหว่างการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา จำนวน 211 คดี
โดยในเดือน ส.ค. 2560 เป็นต้นไป คณะอนุกรรมการไต่สวนฯจะเริ่มเสนอรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงที่ดำเนินการเสร็จสิ้น ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป เมื่อคณะกรรมการป.ป.ท. ชี้มูลความผิดแล้ว หากเป็นมูลความผิดทางอาญาจะส่งพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หรือภาคต่าง ๆ และกรณีที่เป็นความผิดทางวินัยก็จะส่งเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยด้วย
อนึ่ง ในการดำเนินการมาตรการทางวินัย และมาตรการทางปกครอง ตามคำสั่ง คสช. ที่ 69/2557 นั้น สำนักงาน ป.ป.ท. ได้แจ้งเรื่องไปยัง อคส. และ อ.ก.ต. ให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว ขณะนี้ อคส. ได้ดำเนินการทางปกครองปรับย้ายเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ประจำ อคส. ด้วยแล้ว ทั้งนี้ ได้มีการส่งเรื่องให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อีกทางหนึ่งด้วย