เกิดคดีสำคัญCCTVเสียทุกที! สตง. จี้บิ๊กตู่เตือนหน่วยงานรัฐไม่ดูแลรักษา-โทษหนักคุก10ปี
เผย 'สตง.' ทำหนังสือถึง 'บิ๊กตู่' แจ้งขอให้สั่งการย้ำเตือนหน่วยงานรัฐ ตระหนักถึงบทลงโทษจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ดูแล บำรุงรักษา กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หลังเกิดเหตุการณ์คดีสำคัญมักอ้างชำรุดเสียหายใช้งานไม่ได้ทุกที! ระบุชัดโทษอาญาหนักคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี ปรับสองหมื่นถึงสองแสน
การบริหารจัดการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานภาครัฐให้มีการใช้งานได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อหน่วยงาน ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 กำลังถูกจับตามอง เมื่อ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้สั่งการ ย้ำเตือนหน่วยงานของรัฐ ตระหนักถึงบทลงโทษจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแล บำรุงรักษา กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สตง. ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า ได้ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้งานระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) พบว่า ที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ หรือคดีใหญ่ๆ มักพบปัญหากล้อง CCTV ที่ติดตั้งในจุด หรือบริเวณที่เกิดเหตุมักจะชำรุดไม่สามารถใช้การได้ โดยเฉพาะกล้องที่ติดตั้งในสถานที่ราชการ
ประกอบกับเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2559 สำนักนายกรัฐมนตรี มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการใช้งานของระบบกล้อง CCTV ทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ระบบกล้องที่มีอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และ กทม. สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการบูรณาการและเชื่อมโยงระบบกล้องสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการวางแผนด้านความมั่นคง และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ขณะที่จากการติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารตจัดการระบบกล้อง CCTV ของคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งานของระบบกล้อง CCTV ทั่วประเทศ และกทม. ที่อยู่ระหว่างรอนำเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา มีการระบุถึงการสำรวจสถานะของกล้องCCTV ของหน่วยงานภาครัฐที่มีสถานะใช้งานไม่ได้หรือชำรุด และงบประมาณที่จะใช้ในการซ่อมแซมไว้ด้วย และเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2560 ที่ผ่านมา นายกฯ มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบและปรับปรุงระบบกล้อง CCTV ที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งให้สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดกฎหมายได้
สำหรับการกำหนดบทลงโทษในการบริหารพัสดุ ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.2560 หมวด 13 การบริหารพัสดุซึ่งเป็นการควบคุมและดูแลพัสดุที่อยู่ในความครอบครองให้มีการใช้และการบริหารพัสดุที่เหมาะสม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานของรัฐมากที่สุด รวมถึงการบำรงรักษาด้วย และหากผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบริหารพัสดุตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ กฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่ออกตามความในพ.ร.บ.นี้โดยมิชอบ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องรับโทษตามที่กำหนดไว้ในบทกำหนดลงโทษ หมวด 15 มาตรา 120 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ สตง. ระบุว่า ตระหนัก และเห็นความสำคัญของการตรวจสอบและปรับปรุงระบบกล้องCCTV ของหน่วยงานภาครัฐให้สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วน มีประสิทธิภาพ และเกิดความคุ้มค่า จึงเห็นควรให้หน่วยงานภาครัฐทกหน่วยงานที่มีกล้อง CCTV อยู่ในความครอบครองถือปฏิบัติตามพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 หมวด 13 อย่างเคร่งครัด หากผู้ใดไม่ดำเนินการหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด อาจต้องได้รับโทษทางอาญาตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้