‘ปู’อ้อนวอนศาลหลังนักการเมืองมาเป็นพยานให้ถูก ป.ป.ช.สอบ-องค์คณะฯยันไม่มีอำนาจห้าม
‘ยิ่งลักษณ์’ ขอความเป็นธรรมศาลฎีกาฯ เหตุนักการเมืองที่มาเป็นพยานให้ ภายหลังนำสืบเสร็จมักถูก ป.ป.ช. ตั้งอนุฯไต่สวน ยกตัวอย่าง ‘ยรรยง-กิตติรัตน์’ ทำให้ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน กังวลถูกรื้อคดีมาเอาผิด ด้านองค์คณะผู้พิพากษาเห็นใจ แต่ไม่มีอำนาจ ถ้าอยากให้ทำได้ต้องให้ฝ่ายการเมืองแก้ไข กม.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
เบื้องต้นก่อนการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงต่อองค์คณะผู้พิพากษาขอความเป็นธรรม กรณีพยานฝ่ายจำเลยที่มาสืบพยานในคดีนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการสืบพยานแล้ว บุคคลเหล่านี้มักถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีเกี่ยวข้องกับการทุจริต เช่น นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.พาณิชย์ และอดีต รมว.คลัง ขณะเดียวกันประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. คือ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ที่เป็นพยานฝ่ายโจทก์ ดังนั้นจึงขอความเป็นธรรมต่อศาล เพราะเมื่อเกิดกรณีนี้ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยานให้ตน เพราะกังวลว่าอาจถูกรื้อฟื้นคดีต่าง ๆ เพื่อดำเนินการเอาผิด
อย่างไรก็ดีองค์คณะผู้พิพากษา ระบุว่า ได้พิจารณาในข้อกฎหมายแล้ว เห็นว่า ศาลไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้องค์กรปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งได้ แม้จะเห็นใจ แต่ไม่มีอำนาจ ดังนั้นหากสังคม และทุกฝ่ายเห็นว่า ศาลควรมีอำนาจเพิ่มขึ้นต้องให้ฝ่ายการเมืองแก้ไขกฎหมาย