ดร.เอนก ย้ำที่ตั้งไทยดีสุดในโลกยุคใหม่ ถ้าบริหารดีโตเพิ่ม
ดร.เอนกย้ำที่ตั้งไทยได้เปรียบในเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ถ้าบริหารเป็น แนะผูกมิตรกับทุกขั้ว ไม่ทิ้งกลุ่ม CLMV มองไทยแลนด์ 4.0 สู้คนอื่นไม่ทัน ชูเศรษฐกิจลั้นลา พัฒนาการท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 60 ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนา “ไม่มีความสมานฉันท์ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ? ”
ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปาฐกถาพิเศษในประเด็น “ที่ตั้งของไทยในยุคบูรพาภิวัฒน์" ตอนหนึ่งถึงที่ตั้งของประเทศไทย เป็นที่ตั้งที่ดีในยุคบูรพาภิวัฒน์ ไทยคือศูนย์กลางของอาเซียนตอนบน แต่ถ้าพูดภาพใหญ่ ไทยอยู่ในฐานะเชื่อมจีน อินเดีย ได้ไม่ยาก เพราะจากจีนมาไทยถ้าดูตอนใต้ของจีนกับไทยห่างกันไม่เกินร้อยกิโลเมตร ไทยกับอินเดียใกล้กันมาก ในความจริงเราน่าจะรู้ว่าไทยกับอินเดียใกล้กันมานานแล้ว เพราะเราได้วัฒนธรรมจากอินเดียมาเยอะ ดังนั้นทำเลที่ตั้งของไทยเวลานี้ ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย อาจดีแห่งหนึ่งที่สุดของโลก หากมีบริหารเป็น
“ไทยเป็นประเทศที่มีอนาคต แต่ที่ผ่านมาเราพูดเรื่องที่ไร้อนาคต วันนี้การศึกษาของไทย ถ้าสอนจนหมดอนาคต เห็นแต่ความมืดมน ก็เป็นการสอนที่ผิดจะต้องมีผู้นำ ต้องมีคนไทยที่มีความคิดเชิงยุทธศาสตร์ที่จะช่วยมองให้เห็นอนาคตของประเทศ จะใช้แค่นักเศรษฐศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้”
ดร.เอนก กล่าวอีกว่า ที่ตั้งของไทยในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไทยควรจะต้องเป็นศูนย์กลาง CLMV(กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยขีดการพัฒนาเราอยู่ในระดับที่นำหน้า 4 ประเทศนี้ ขณะเดียวกันพวกเขาชื่นชมไทย สินค้าไทย อยากมาทำงานที่ไทย เราต้องการแรงงาจากประเทศเหล่านี้ เราขายสินค้า ขายการท่องเที่ยว ยุทธศาสตร์ นอกจากเราจะมีให้จีนและอินเดียแล้ว แต่ต้องมีกลุ่ม CLMV ด้วย
“วันนี้เราคิดอะไรติดที่รูปขวานอย่างเดียว เราเย่อหยิ่ง เราไม่ดูแผนที่โลก ไม่อยากรู้อะไร วิธีคิดของเราสุดแปลก ไม่สนใจอะไรเลย ถ้าที่ตั้งของเราแย่สุดขีดเราไม่ต้องดูรอบๆ แต่วันนี้ที่ตั้งเราดีสุดขีด ในภูมิยุทธศาสตร์แบบนี้ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่นยังอยู่ ดังนั้นเราต้องรักษาความสมดุลทางความสัมพันธ์กับขั้วอำนาจอื่นๆ ไว้ด้วย
เราไม่ได้บอกว่าจะคบจีนมากขึ้นเท่านั้น แต่ประเทศคู่ค้าเก่าโดยเฉพาะกับญี่ปุ่นเราต้องคบให้ดี อย่างทิ้งญี่ปุ่น เพราะเขาลงทุนมากที่สุดกว่า18% ขณะที่ไทยมีคนญี่ปุ่นมาอาศัย ทำงานถึง 50,000 หมื่นคน รองจากนิวยอร์ก ลอสแอนเจิลลิส เซียงไฮ้ ” ดร.เอนก กล่าวและว่าในสภาวะแบบนี้เราต้องตระหนักว่าเราจะไม่เป็นลูกน้อง ลูกไล่กับใคร ไม่ว่าสหรัฐฯ หรือจีน อยากให้ไทยเป็นชาติอำนาจระดับกลางให้ได้
ดร.เอนก กล่าวว่า เรามักพูดว่า ที่ผ่านมาเรารอดได้เพราะเราเลือกนายได้ดี เราเลยรอดมาตลอด คิดแบบนี้ในอดีตคงคิดได้เพราะเมื่อก่อนเรายังจน แต่วันนี้เราอยู่ในประเทศรายได้ปานกลาง สถานะเศรษฐกิจเราไม่ด้อยเเล้ว ตัวเลขของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(GDP) อยู่ที่อันดับ 33 ของโลก ขณะที่กำลังซื้ออยู่ที่อันดับ 22 ของโลก แบบนี้ไม่กระจอก และตัวเลขที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นประเทศที่มีคนเดินทางมากที่สุดในโลก
ดร.เอนก กล่าวด้วยว่า การท่องเที่ยวของไทยคิดเป็น 20% ของ GDP ถ้าเติบโตไปแบบนี้อุตสาหกรรมกับการท่องเที่ยวจะเท่ากันที่ 30% แล้วทำไมเราไม่สนใจมาดูภูมิศาสตร์ของเรา อย่าลืมว่าวันนี้ไทยอยู่ได้ด้วยการท่องเที่ยวจากคนจีน เขามาหลงไหลกับอาหารไทย ผลิตภัณฑ์ของไทย คนมุสลิมจากตะวันออกกลางมาเที่ยวไทย ในฐานะประเทศที่ไม่ใช่มุสลิมมากที่สุดในโลก ชอบคนไทยเพราะคนไทยมีความน่ารัก ให้การตอนรับดี ดูเเลบริการ เราเลยขายส่วนนี้ได้
“วันนี้เราอยากเป็นไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งดูเเล้วยาก จะสู้จีน อินเดีย ญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ถ้าเป็น เศรษฐกิจลั้นลาง่ายกว่า ทำลั้นลาเราชนะ ส่วน4.0 มีเพียงคนชนชั้นสูง (Elite) เท่านั้นที่ทำได้ อย่าลืมว่าไทยทุกข์ยาก สุขง่าย” ดร.เอนก กล่าว.