เครือข่ายชุมชน ชี้ต้องคืนอำนาจท้องถิ่น จึงฟื้นพลังประเทศได้
ระดมเครือข่ายชุมชนฟื้นพลังไทย "ดร.สีลาภรณ์" ชี้สังคมไทยยังแค่สวมหัวโขนประชาธิปไตย หนุนสร้างข่ายความรู้-พลังทุนชุมชน"ดร.เอนก" แนะทางรอดประเทศ ต้องลดบทบาทรัฐบาลกลาง-คืนอำนาจท้องถิ่น
เร็วๆนี้ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ จัดเวทีฟื้นฟูพลังชุมชนท้องถิ่นสู่การอภิวัฒน์ประเทศไทยครั้งที่2
โดย นายสมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการบริหารแผนคณะที่ 3 สสส.และประธานกรรมการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า เวทีฟื้นฟูพลังชุมชนฯเป็นการสานพลังเครือข่าย ต่อเนื่องจากการสร้างสุขภาวะตำบล ประกอบขึ้นมาจากเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคมและการศึกษา ซึ่งจากการดำเนินการมาระยะหนึ่งเห็นความเข้มแข็งในชุมชนเกิดขึ้น อีกทั้งการสำรวจค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ โครงการที่เกิดขึ้นในชุมชนท้องถิ่นอยู่ในเครือนโยบายสำคัญ 7 ประเด็นคือ 1.การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม 2.การจัดสวัสดิการสังคมโดยชุมชน 3.การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 5.การดูแลสุขภาพชุมชน 6.เกษตรกรรมยั่งยืน และ7.การจัดการภัยพิบัติ
ซึ่งการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า จำเป็นต้องเริ่มจากบุคคล หากประชาชนในท้องถิ่นยังขาดโอกาสทางการศึกษาและขาดโอกาสแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องลำบากต่อการพัฒนา ภารกิจในอนาคตต้องปรับเปลี่ยนระบบการปกครองรวมศูนย์กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง ทั้งเชิงนโยบายและปฏิบัติ โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องพัฒนาการบริหารงานให้ฉับไวและจริงใจมากขึ้น ตลอดจนสร้างวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าและทันสมัย
“ขณะนี้ภาคประชาชนกลับพัฒนาการบริหารจัดการดีกว่าภาครัฐ เพราะไม่ได้คิดถึงอำนาจวาสนา หากแต่อยากให้ชุมชนเจริญทัดเทียมนานาประเทศ โดยไม่รุกล้ำวิถีชีวิตดั่งเดิมและทรัพยากรในพื้นที่ จึงอยากเห็นการต่อยอดสิ่งที่ชุมชนได้ร่วมกันทำมาทั้งหมด เพื่อมองไปถึงอนาคตอย่างบูรณาการ มีระบบและมีเกียรติ ซึ่งจะทำให้รากฐานท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น" นายสมพร กล่าว
ศ.(พิเศษ)อเนก เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวในปาฐกถาพิเศษท้องถิ่นกับการบริหารจัดการตนเอง ข้อเสนอในอนาคตว่า ปัญหาการเมืองของประเทศไทยอยู่ที่รัฐรวมศูนย์ผูกขาดอำนาจ ท้องถิ่น ชาวบ้านถูกมองเป็นสิ่งคร่ำครึ ประชาชนท้องถิ่นคือคนที่คอยแต่รับการบริการจากรัฐ วาทะกรรมที่อ้างว่าท้องถิ่นยังไม่พร้อมในการดูแลตนเอง เป็นการปิดบังศักยภาพของท้องถิ่น การเกิดขึ้นของเวทีฟื้นพลังชุมชนเป็นการแสดงพลังให้สังคมรู้ว่าชุมชนพร้อมแล้วที่จะดูแลตนเอง สิ่งที่ชุมชนต้องการคือการปกครองตนเอง ได้ดูแลทรัพยากรท้องถิ่น พัฒนาและสร้างสรรค์ชุมชนเล็กๆให้เจริญในวิถีที่คนในชุมชนต้องการ กระบวนทัศน์ใหม่แบบนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะแม้แต่ฝรั่งเศสต้นแบบการปกครองของไทยก็ยังต้องคืนอำนาจให้ประชาชน อบจ.ของฝรั่งเศสมีบทบาทมากกว่ารัฐส่วนกลาง
“ชาวบ้านต้องการรัฐที่ปลดเบรกปลดโซ่ รัฐต้องพยายามปล่อยให้ชาวบ้านทำเอง การเมืองแค่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งยังไม่พอ การแก้ปัญหาของประเทศต้องแก้ด้วยชุมชนท้องถิ่น เศรษฐกิจของประเทศจะดีต้องมาจากชุมชนท้องถิ่นด้วย ชาวบ้านต้องการรัฐที่หลากหลาย ยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในอนาคตทางรอดอยู่ที่การได้ปกครองตนเองของชุมชน ลดบทบาทรัฐส่วนกลาง คืนทรัพยากร คืนอำนาจชุมชน ประชาสังคม ท้องถิ่นให้มากขึ้น ไม่ใช่ให้รัฐส่วนกลางทำ”
นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ชุมชนจะสามารถพัฒนาศักยภาพความเป็นอยู่ได้ต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมที่หนักแน่น โดยไม่รอคอยการช่วยเหลือของภาครัฐและองค์กรอิสระ เพราะชาวบ้านรับรู้และเข้าใจปัจจัยที่เอื้อต่อการพัฒนาท้องถิ่นดีกว่าภายนอก แม้รัฐบาลจะพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายกเลิกองค์กรอิสระต่าง ๆ เพื่อตัดแขนขาภาคประชาชนก็ไม่เป็นผล เพราะหากสามัคคีใครก็ไม่สามารถทำลายได้ การบริหารจัดการจึงเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดแบบแผนพัฒนาให้เป็นตามครรลองวัฒนธรรมและสภาพพื้นที่แต่ละแห่ง
ด้าน ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนและสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า ประเทศไทยในอนาคตจะพัฒนาได้ต้องเริ่มจากท้องถิ่นได้รับการใส่ใจจริงจัง ที่นี้หมายถึงแม้หลายคนจะกล่าวว่าสังคมไทยเป็นประชาธิปไตย หากแต่ความจริงเป็นเพียงการสวมหัวโขนเท่านั้น สุดท้ายคนรุ่นใหม่ก็เดินตามแนวคิดดั่งเดิมที่ไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้สังคมย่ำแย่ สิ่งที่ชุมชนต้องการ คือ การสนับสนุนพัฒนาด้านเครือข่าย ความรู้ และเงิน ซึ่งเครือข่ายนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการผสานกำลังพลภาคประชาชนตรวจการดำเนินงานภาครัฐระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ส่วนเงินเป็นเพียงแรงหนุนให้สามารถพัฒนาโดยไม่ติดขัด
“คาดว่าอนาคตประเทศพัฒนาไปบนฐานความไม่เข้าใจแต่ละพื้นที่ อาจสร้างความเสียหายทางวิถีชีวิตมหาศาล เพราะรัฐยึดถือตนเองเป็นใหญ่ ซึ่งการทำงานใดหากไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อาจสร้างความสูญเสียต่อองค์กรนั้นได้ จึงควรรู้จักคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์และเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง” ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนและสังคม สกว. กล่าว
ขณะที่นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหม้อ อ.เมือง จ.เพชรบุรี กล่าวว่า สิ่งที่สังเกตเห็นปัจจุบัน คือ ประชาชนยังยึดติดกับการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐที่ปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ดังนั้นประเทศจะขับเคลื่อนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ด้วยหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1.ส่งเสริมการเรียนรู้แก่ประชาชนรู้จักพึ่งพาตนเองและสิทธิพึงมี รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องปรับการบริหารจัดการเป็นกระจายอำนาจ 2.พัฒนาผู้นำท้องถิ่นให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ซื่อสัตย์ และเข้าใจปัญหาชุมชนได้ดี และ 3.การมีส่วนร่วมของประชาชนพื้นที่