“สร้างคนรุ่นใหม่หัวใจรักถิ่น” เปลี่ยนแปลงประเทศจากฐานพระเจดีย์
ศ.นพ.ประเวศ วะสี เชื่อว่า “อนาคตประเทศอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่น” และคนรุ่นใหม่ต้องสร้างฐานเจดีย์ของสังคมนี้” จัดสมดุลระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ โดยยึดความรู้ สัจจะ ศีลธรรม เปิดพื้นที่ทางปัญญา…
ศ.นพ.ประเวศ วะสี ปาถกฐาตอกย้ำพลัง “คนรุ่นใหม่หัวใจรักถิ่น พลังการเปลี่ยนแปลงสังคม” ในเวทีนำเสนอบทเรียนการพัฒนาคนรุ่นใหม่ของชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง สู่การศึกษาทางเลือกของสังคมไทย ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่หัวใจรักถิ่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
ก่อพระเจดีย์จากฐานล่าง : ตัดมายาคติ กำไร ดอกเบี้ย ค่าเช่า
อนาคตประเทศอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่น ปัจจุบันทั่วโลกกำลังวิกฤติจากการพัฒนาผิดทาง ด้วยทฤษฎีการพัฒนาจากยอด การสร้างพระเจีดย์ถ้าเริ่มจากยอดก็จะไม่สำเร็จจะพังลงมา ถ้าสร้างจากฐานก็จะมั่นคง แต่ทั้งโลกสนใจการพัฒนาจากข้างบน จึงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอเมริกา วิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปแก้ไม่ได้ เกิดจลาจลเผาบ้านเมืองในกรีก ตาลีเศรษฐกิจพัง เกิดจลาจลในช่วงพายุเฮอริเคน อังกฤษก็เกิดจลาจลเผาบ้านเผาเมือง
“การพัฒนาจากข้างล่างคือความเป็นจริงของชีวิต คนทำนาได้ข้าวคือของจริง ทำนา ทำไร่ เลี้ยงปลา ทอผ้า เลี้ยงไก่ ปลูกสมุนไพร รักษาโรค ดูแลสิ่งแวดล้อม คือความจริงของชีวิตของการอยู่ร่วมกัน”
ส่วนข้างบนคืออำนาจ มายาคติ เช่น เงิน หม่อมเจ้าปรีดี สิริยากรณ์ กล่าวว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาคือของจริง” เงินกินไม่ได้ ข้าว ปลา ไข่ กินได้ แต่โลกใช้เวลาไปกับของมายาเสียมากไม่ได้สร้างสรรค์อะไร แต่คนปลูกข้าว ปลูกผัก สร้างสรรค์ ทำมาหากิน ไม่ใช่นั่งกินนอนกิน
ชีวิตในเมืองเป็นมายาคติ มายาคติ 3 อย่าง คือ กำไร ดอกเบี้ย ค่าเช่า ยิ่งได้มากยิ่งเดือดร้อนมาก แต่การผลิตยิ่งมากยิ่งได้มาก เป็นของจริง ถ้ายกเลิกระบบเงินตรา ชาวนาจะรวยที่สุด เพราะมีข้าว ไข่ ปลา แต่คนที่มีเงินเป็นร้อยล้านจะจนเพราะกินไม่ได้ เงินจึงเป็นเป็นมายาคติ เป็นบัญญัติ ควรจะบัญญัติให้ยุติธรรม ไม่ควรให้คนที่ทำงานหนักต้องจน โลกทั้งโลกตกอยู่ในโมหภูมิ
มนุษย์ธรรมชาติ และชุมชน : ชีวิตจริงที่ต้องสมดุล
ระบบของชาวยุโรปเกิดมาจากการปล้นคนอื่น ปล้นประเทศเล็กๆจากอาฟริกา อินโดจีน เขมร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แล้วตั้งมาตรฐานการครองชีพเกินจากสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง สร้างระบบเศรษฐกิจการเงิน ก็เกิดวิกฤติเพราะมันเกินเลยความเป็นจริง โลกจึงกำลังจะพังด้วยมายาคติ อนาคตจึงอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่น เพราะเป็นความจริง เป็นชีวิตจริง เป็นการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
โลกร้อน เกิดภัยพิบัติ เพราะการบริโภคนิยมของมนุษย์ จากสถิติภัยพิบัติเพิ่มขึ้น ทั้งแผ่นดินไหว พายุ น้ำท่วม ป่าไม้ลด ภัยแล้ง ธรรมชาติเสียสมดุลย์ ในอีก 20 ปีจะเป็นทุรยุคเป็นวิกฤติสังคม เศรษฐกิจ ภัยพิบัติ สิ่งแวดล้อม อาหารน้อยลง ราคาแพง ขาดแคลน ประชากรว่างงาน และแก้ไม่ได้เพราะอยู่ในมายาคติ และจะนำไปสู่จลาจลเพราะอาหารขาดแคลน แพง ที่จะมีความปลอดภัยคือชนบท ชุมชนท้องถิ่น มาร์ติน วิลเลอร์ จากขอนแก่น บ้านคำป่าหลาย เป็นชาวอังกฤษ จบปริญญาตรี บรรยายเปรียบเทียบสังคมอังกฤษกับที่บ้าน เขามีความร่ำรวยกว่าพ่อของเขา มีที่ดินมีอาหารไม่อดอยาก ปลอดภัย อากาศดีมาก ลูกๆปลอดภัย คุณภาพชีวิตดีกว่าที่อังกฤษ จึงกล้าประกาศว่าอนาคตอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่น
“ชุมชนท้องถิ่นเป็นฐานของประเทศ ถ้าฐานแข็งแรง ประเทศก็จะมั่นคง การพัฒนาที่ผ่านมาทิ้งฐาน มิจฉาทิฏฐิ พัฒนา ผิดทางทำให้ทุกคนลำบาก พระเจ้าอยู่หัวมีพระนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก บอกว่าคนทั้งหมด ล้วนตกอยู่ในโมหภูมิ และพัฒนาด้วยความโง่เขลา เป็นเมืองอวิชชาเต็มไปหมด ความไม่รู้นำไปสู่มิจฉาพัฒนา นำพาชีวิตทุกคนไปสู่ความลำบาก เราไม่ควรลำบากขนาดนี้”
ชุมชน คือระบบการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับคน และคนกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลย์ ถ้าอะไรสมดุลย์ก็จะมีความมั่นคง ดูทั่วโลกชุมชนอยู่มากว่าหมื่นปีเพราะเป็นธรรมชาติว่าการอยู่ร่วมกันทำให้โอกาสรอดชีวิตมีมาก ตัวอมีบาเมื่อมีภัยก็จะกระจุกตัวกันจะมีโอกาสรอด ปลาก็รวมกันเป็นฝูง เหยี่ยวเมื่อแก่ก็จะตาฟางแต่มันอยู่เป็นชุมชน ตัวหนุ่มสาวจะเลี้ยงมันก็จะอยู่รอด ในชุมชนมีคนแก่คนอ่อนแอก็จะมีคนดูแลและมีประโยชน์ต่อกัน นีอันเดอธัลในยุโรปสูญพันธ์ โดนมนุษย์พันธ์โฮโมเซเปียนมาแทน เพราะนีอันเดอธัลสะสมความรู้ได้น้อย โอกาสรอดชีวิตจึงน้อยกว่า คนโบราณคือสังคมของการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลย์
การอยู่ร่วมอย่างสมดุลย์ต้องเรียนรู้การทำมาหากิน ขนมธรรมเนียมประเพณี การจัดสรรทรัพยากร อย่างยุติธรรม การประนีประนอม รักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ เพราะธรรมชาติมีคุณค่ามาก มีความศักดิ์สิทธิ์ ดินมีพระแม่ธรณี น้ำมีพระแม่คงคา ต้นไม้มีรุกขเทวดา เป็นภูมิปัญญาที่รู้ถึงคุณค่าธรรมชาติ
“แต่คนปัจจุบันใช้วิทยาศาสตร์ไปวิเคราะห์ไม่เห็นเทวดาก็สามารถทำลายได้ ยิ่งเรียนยิ่งโง่ เราจำกัดการเรียนรู้อยู่ในห้อง ที่จริงแหล่งเรียนรู้มีมาก เราไปลดทอนการเรียนรู้ให้ลดลงไปผิดทางร้อยกว่าปีแล้ว” ทำให้อ่อนแอ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระวชิรญาณวโรรส เคยเตือนว่าการศึกษาแบบปัจจุบันนี้จะทำให้คนไทยขาดจากรากเหง้าของตัว และก็เป็นความจริง คนเรียนด้วยการท่องไม่ได้เรียนความจริงของแผ่นดิน
ความรู้ สัจจะธรรม ศีลธรรม : ความจริงในวิถีวัฒนธรรมชุมชน
คนแต่ก่อนเรียนรู้จากชีวิตจากความจริง และการอยู่ร่วม แต่ปัจจุบันเรียนรู้จากตำราจากการท่องจำ มหาตมะคานธีร์สอนว่าเรียนรู้จากตำราได้ความรู้ เรียนรู้จากการทำจริงได้ปัญญา การเรียนรู้จากการทำจริงจะไม่ลืม เป็นความรู้ที่มั่นคง เช่น ความรู้ของคนขายก๋วยเตี๋ยว ชาวนา ช่างเสริมสวย คนค้าขายของชำ
เพราะปัญหาการศึกษาเกิดจากคนชั้นสูง ไม่เห็นคุณค่าการทำงาน สร้างคนที่ทำอะไรไม่เป็นเต็มประเทศ จึงพบว่าคนที่จบการศึกษาสมัยใหม่จะทำงานไม่ได้ไม่มีอดทน อีกอย่างคือเรื่องศีลธรรม พระให้ศีลทุกวัน แต่คนทำผิดหมดทุกข้อ ทำไมศีลธรรมคนไทยซึ่งเป็นเมืองพุทธจึงเสื่อมเสียมาก พบเห็นได้ทุกที่“ศีลธรรมพื้นฐาน คือการเคารพศักศรีความเป็นคนอย่างเท่าเทียม ปัจจุบันคนข้างบนดูถูกคนข้างล่าง เกลียดคนจน การศึกษาทั้งหมด เป็นเครื่องทำลายศีลธรรมพื้นฐาน ศึกษาแล้วชาวบ้านไม่มีเกียรติ สถาบันมีเกียรติ”
ความรู้มี 2 ประเภทคือ ความรู้ในตำราและความรู้ในตัวคน มีประโยชน์ทั้งสองอย่าง แต่ต้องรู้ทันว่าตำรามาจากวิทยาศาสตร์ ในตัวคนมาจากวิถีชีวิต การทำงาน ประสบการณ์ คือฐานวัฒนธรรม คือวิถีชิวิตร่วมกันของชุมชน คนส่วนน้อยที่มีความรู้ในตำรา แต่ทุกคนมีความรู้ในตัวคน เป็นที่มาว่าทำไมแม่จึงเป็นครูที่ดีที่สุดของทุกคน เพราะแม่มีความรู้ในตัว สอนลูกได้ดีที่สุดจากประสบการณ์ของชีวิต
ถ้าเราเคารพความรู้ในตำรา คนส่วนน้อยมีเกียรติ ถ้าเคารพความรู้ในคน คนทั้งหมดจะมีเกียรติ ถ้าเปลี่ยนมุมมองใหม่จะเป็นอิสระเห็นทุกคนมีศักดิ์ศรีมีความรู้ในตัว เรียนรู้จากคนได้ทุกคน เราถูกครอบด้วยโฆษณาว่าการศึกษาเป็นความดี พ่อคำเดื่องเรียกว่าโจรเสื้อขาว ปล้นพ่อแม่จนยากจน ขณะที่ศีลธรรมคือการอยู่ร่วมกัน เป็นระบบชีวิต แต่ข้างบนไม่มีที่อยู่ของศีลธรรม การเรียนรู้ในชุมชนคือการเรียนรู้ระบบศีลธรรม
คนรุ่นใหม่ต้องเป็นคนสร้างฐานพระเจดีย์ของสังคม
คนรุ่นใหม่ต้องเป็นคนสร้างฐานพระเจดีย์ของสังคม คือชุมชนท้องถิ่น และความถูกต้องต้องก่อต่อจากหน่วยย่อยข้างล่าง ไม่มีใครเสกความถูกต้องจากข้างบนได้ หน่วยย่อยข้างล่างคือชุมชน มีตัวอย่างการท่องเที่ยวชุมชนที่มีประชากรสี่ห้าร้อยคนช่วยกันดูแล คนทั้งหมดพอใจ และภูมิใจที่จะรักษาทรัพยากร ภูมิใจที่มีคนมาเที่ยวในชุมชน ถ้ามองจากข้างบนจะจัดการยาก แต่ถ้าจัดการระดับชุมชนเกิดได้ง่าย
“แต่ละชุมชนสามารถสร้างความถูกต้องทุกเรื่องได้ง่าย ถ้าทุกชุมชนสร้างความถูกต้องเต็มไปหมดก็จะสร้างความถูกต้องของประเทศได้ ก่อตัวขึ้นมาเอง” เราคุ้นเคยกับการแต่งตั้งซึ่งมีปัญหามาก แต่ของดีต้องก่อตัวขึ้นมาเอง ไม่ได้เกิดจากการบีบคั้นและไม่ได้ขึ้นกับอำนาจเงิน แต่เงินเข้ามาทีหลัง
ผู้นำ : คุณลักษณะ 5 ประการ
มีการก่อตัวขึ้นเองของสภาผู้นำชุมชนในหมู่บ้านจำนวนมาก เช่น ผู้นำกลุ่มอาชีพ พระ เยาวชน เป็นผู้นำตามธรรมชาติมีคุณสมบัติ 5 ประการ 1.เป็นคนเห็นแก่ส่วนร่วม เป็นคนที่เกิดจากการทำงานและเรียนรู้ร่วมกัน และปรากฎขึ้นเองไม่มีคนแต่งตั้ง 2.เป็นคนสุจริต ไม่คิดเล็กคิดน้อยเอาประโยชน์เข้าตัว 3.เป็นคนฉลาด 4.สื่อสารเก่ง พูดแล้วคนเข้าใจดี ผู้คนเกิดกำลังใจ เกิดปัญญา 5.เป็นคนที่เกิดมาจากการยอมรับของคนทั่วไป ไม่ใช่คนที่มาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง
สังคมข้างบนไม่เคยเห็นคุณค่าคนเหล่านี้ ถ้ามีการก่อตัวขึ้นสี่ห้าสิบคนในหมู่บ้าน เยาวชนก็อยู่ในกลุ่มนี้ ในหมู่บ้านมีผู้นำทางการสามคน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการสมาชิกสภาตำบล 2 คน ที่เหลือเป็นผู้นำทางธรรมชาติมาก่อตัวกัน สภานี้เป็นเวทีเปิดสังคมไทยเป็นสังคมปิด จะให้คนไม่กี่คนทำงานยากๆ ไม่ได้
เปิดพื้นที่ทางสังคม ทางปัญญา
ปัญหาที่ยากและซับซ้อนไม่สามารถใช้อำนาจได้ 1.ต้องเปิดพื้นที่ทางสังคม และพื้นที่ทางปัญญาอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ระดับชุมชนทุกชุมชน สภาชุมชนที่มีผู้นำชุมชน พระ ศิลปินต่างๆ 2.สภาผู้นำชุมชนสำรวจข้อมูลชุมชน มาเป็นฐานการพูดคุยกัน สำรวจให้หมด เช่น มีที่ดินเท่าไร 3.เอาข้อมูลมาวางแผน ทำแผนชุมชนที่บูรณาการทุกเรื่อง ทั้งเศรษฐกิจ จิตใจ สิ่งแวดล้อม การศึกษา ประชาธิปไตย แต่ที่ผ่านมาเราแยกเรื่อง วิกฤติที่เกิดขึ้นเพราะคิดแยกส่วน ที่สังคมป่วยตอนนี้เพราะพัฒนาแบบแยกส่วน การศึกษาก็แยกส่วน แผนชุมชนต้องเป็นแผนพัฒนาอย่างบูรณาการ การศึกษาควรจะเป็นความสุขไม่ก่อความลำบากให้เด็กๆ
4.เอาแผนชุมชนให้สภาประชาชนดู คือที่ประชุมคนทั้งหมู่บ้าน คนไม่มากสามารถประชาธิปไตยโดยตรงได้ ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งไม่ต้องเลือกตัวแทน นักวิชาการไปเรียนต่างประเทศว่าประชาธิปไตยมาจากอังกฤษ แต่ประชาธิปไตยชุมชนมีมาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว บางแคว้นปกครองแบบประชาธิปไตยมีหัวหน้าเผ่า มีการประชุมไม่ได้เผด็จการ มีการตัดสินใจร่วมกัน เป็นสภาประชาชน ติชมเปลี่ยนแปลงและรับรองร่วมกัน ที่สุดคือเขาเข้าใจมันเพราะรับรองมันเอง ถ้าแผนที่ทำโดยราชการเขาขับเคลื่อนไม่ได้เพราะไม่ได้คิด ไม่มีส่วนร่วม ถ้าทั้งหมดเชื่อมบูรณาการเชื่อมโยงกัน นี่คือการเปิดพื้นที่ทางสังคมทางปัญญา
“เรามีแปดหมื่นกว่าหมู่บ้าน มีสภาประชาชนเท่าไหร่ มีผู้นำเท่าไหร่ ประมาณสี่ล้านคน เปิดพื้นที่ทางสังคมทางปัญญา แต่อยู่ภายใต้การสำรวจข้อมูลเป็นฐานการคิดวางแผน สร้างวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วม มันจะเกิดพลังเป็นคลื่นที่รุนแรงมาก แต่ถ้าต่างคนต่างคิดจะทอนกำลังกันเอง คิดร่วมจะเสริมพลังกัน”
ครูสน รูปสูง บอกว่าถ้าอยากคุยกับชาวบ้านต้องไปในเวลาราษฎรไม่ใช่เวลาราชการ เพราะชาวบ้านไปทำนา การคุยกันคือการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ ครูสนจะใช้วิธีการชวนเรื่อยๆไม่มาก็ชวนเรื่อยๆ นี่คือคุณสมบัติผู้นำรุ่นใหม่ คือต้องอดทนที่จะชวน จากนั้นชาวบ้านก็จะเห็นใจ ชวนเรื่อยๆเขาก็จะเกรงใจ
“ผู้นำต้องอดทน เราจะได้ความเห็นใจ สร้างวิสัยทัศน์เป้าหมายร่วม คือการมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่ที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ เป็นบ่อเกิดของความร่มเย็นเป็นสุข ไม่ใช่การสอนศีลธรรม”
ที่ ต.ยกบัตร สอนเท่าไหรก็ไม่เป็น ต่อมาก็ไปสสำรวจพบว่าชาวบ้านยากจน พระจึงไม่เรี่ยรายแต่สนับสนุนให้ชาวบ้านมีอาชีพ ท่านศึกษาอีกว่าควรจะมีอาชีพอะไร จะสนับสนุนปลูกมะพร้าว ก็ลองศึกษาเองปลูกเอง แล้วท่านก็เทศน์เรื่องปลูกมะพร้าวจนชาวบ้านปลูกตาม ท่านรู้ว่ามะพร้าวธรรมดาให้น้ำตาลกระป๋องเดียว แต่ถ้ามีความรู้มากขึ้นลงแรงเท่าเดิมได้ประโยชน์มากขึ้น จนทำน้ำตาลขาย ชาวบ้านทั้งตำบลมีรายได้วันละ 200-400 บาท ความชั่วหายไปหมด คือสัมมาชีพเต็มพื้นที่
การตลาด : พลังของการเปลี่ยนแปลงสังคม
เราจะเป็นชุมชนที่คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน ก็สำรวจว่าใครถูกทอดทิ้งบ้าง ตำบลก็สำรวจเจอคนพิการ 300 คน ชุมชนก็จัดคนดูแล มีการบำบัด คนแก่กี่คน จะมีป่วยเรื่อยๆ ก็มีอาสาสมัครพยาบาลไปเยี่ยมบ้าน ซึ่งทำได้ หรือจัดการท่องเที่ยวชุมชน รักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีมีวัฒนธรรมมีอาหารอร่อย สอนมัคคุเทศก์ให้ดี มีการวิจัยประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นเอง จะทำให้คนภาคภูมิใจท้องถิ่นตนเอง พิพิธภัณฑ์ตำบล เอา อบต.มาทำ เพราะมีงบประมาณ ชุมชน สสส. พอช. สภาองค์กรชุมชน สภาพัฒนาการเมือง มาร่วมทำตามฐานะตนเอง
“การท่องเที่ยวชุมชน โฮมสเตย์สร้างเพื่อการเรียนรู้ของชุมชน ของคนนอก เขาจะได้เรียนรู้ศีลธรรม ได้มากินข้าวอร่อยบ้านเรา เคยไปกินข้าวที่ท้องนาพ่อคำเดื่อง มันอร่อยมาก อร่อยกว่ากินข้าวในเมือง ไปที่สกลนครกินข้าวเหมือนกัน ที่นั่นกินยอดหวาย กินข้าวที่กรุงเทพฯ ไม่อร่อยสู้บ้านเขาไม่ได้” คนข้างบนได้ไปเรียนรู้คนข้างล่าง คนข้างล่างได้ภาคภูมิใจตนเอง ที่คนรุ่นใหม่ไม่อยากอยู่ที่บ้านเพราะไม่มีความภาคภูมิใจอะไร อย่างพ่อมหาอยู่ ลูกท่านจบ ป.โท กลับมาอยู่ที่บ้าน ลุงคำป่วนจบชั้นอะไรไม่รู้ แต่รวยมาก เพราะแกปลูกต้นคริสมาสต์ไปขาย มาศึกษาตลาดจากจตุจักร พอพ่อมีฐานะดีลูกก็กลับบ้าน
ต้องมีศูนย์ศิลปะตำบลด้วย อาจฉายหนังดีๆ มีศูนย์กีฬาตำบลมีการแข่งขันกันระว่างตำบล ให้คนได้ภาคภูมิใจ มีเรื่องน่าทำเยอะแยะ เคยคุยกับนายก อบต.พิจิตร เห็นผู้หญิงคนหนึ่งตัดสินใจมาทำงานที่บ้านมีความสุขกว่าเยอะ อีกกรณีผู้หญิงทำงานเพื่อคนพิการเขามีความสุข เรามีแปดหมื่นหมู่บ้าน อบต. เทศบาล อยู่ทุกที่ ท้องถิ่นเหล่านี้ต้องการศูนย์วิชาการ ศูนย์ข้อมูลต่างๆ คนรุ่นใหม่ที่สามารถทำเรื่องนี้ได้ น่าจะลงตัวกัน
ถ้าใครชอบธุรกิจ ก็มีธุรกิจ SSE ประเทศไทยพูดเรื่อง “การพัฒนาที่ยั่งยืนอยู่มาก แต่ไม่เกิดรูปธรรม เพราะพลังผู้บริโภคไม่เกิด พลังที่จะแรงมากคือพลังผู้บริโภค เกษตรยั่งยืนก็จะเติบโตยั่งยืนเพราะผู้บริโภคกินเกษตรพอกิน” ถ้าคนรุ่นใหม่รวมตัวกันสองสามคน ทำธุรกิจเชื่อมโยงผู้บริโภคในเมืองกับผู้ผลิต ก็สามารถสร้างประโยชน์ บริโภคอาหารปลอดสารพิษได้ ยังต้องการคนที่ทำอาชีพนี้อีกเยอะ SSE คืออาชีพที่ทำเพื่อสังคมแต่ไม่ขาดทุน เลี้ยงตัวเองได้ ตอนนี้ที่อังกฤษกำลังเติบโตมาก เช่น หนังสือพิมพ์ที่อังกฤษที่ขายเพื่อคนเร่ร่อน คนเร่ร่อนได้ตังค์ อาชญากรรมลดลง คนก็ซื้อ เคยมีคนว่าแตงโมที่ใต้แพงกว่าห้าง แต่ถ้ารู้ว่าปลูกยังไงจะรู้ว่าทำไมต้องแพง เพราะฉะนั้นอนาคตเปิดกว้างมาก
ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือ “คือพลังการเปลี่ยนแปลงสังคม สังคมจะอยู่แบบเดิมไม่ได้แล้ว ต้องเปลื่อนที่ฐานสังคมคือชุมชนท้องถิ่น คนรุ่นใหม่หัวใจรักถิ่นจึงมีความสำคัญ แล้วสิ่งที่ส่งคนรุ่นใหม่ออกจากชุมชนคือ การศึกษาส่งคนออกจากชุมชน เรียนเพื่อไม่มีงานทำ เรียนทำไม”
ครูสุรินทร์อยู่อยุธยาชวนผมไปเรียนรู้กว่าสามสิบปีแล้ว ไปเรียนจากครูต่างๆ จากของจริงสนุกจริง ๆ เมีความหมายมาก ผมมีความเชื่อว่าเราสร้างอนาคตประเทศได้ เพราะเรามีทรัพยากรเยอะแยะ เราสร้างทุกอย่างได้ สร้างสันติภาพ สร้างทรัพยากร สิ่งสิ่งสวยงามได้ แล้วยิ่งคนไทยมีวัฒนธรรมที่อ่อนโยนอยู่แล้ว ไปดูที่ร้อยเอ็ดเขยฝรั่งล้วนมาจากสวิตเซอร์แลนด์ทั้งนั้น ทั้งๆที่สวิสเป็นประเทศที่ใครๆบอกว่าน่าอยู่มาก ฝรั่งมาเมืองไทย เพราะคนไทยจิตใจดียิ้มแย้มมีความสุข
“ประเทศไทยมีของดีเยอะ เราต้องสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ สร้างความถูกต้องจากข้างล่าง" .