แก้ไม่ตรงจุด!ร้อง‘บิ๊กตู่’ระงับขนขยะสมุยฝังกลบสุราษฎร์ฯ381ล.-ปี57/58ใช้งบ 36 ล.
‘วัชระ เพชรทอง’ ยื่นหนังสือถึง ‘พล.ประยุทธ์’ ทบทวน-ระงับโครงการขนขยะจากเกาะเต่า-เกาะสมุย 2.45 แสนตัน ใช้งบ 381 ล้าน ฝังกลบบนแผ่นดินสุราษฎร์ฯ ชี้สร้างมลภาวะอีกที่หนึ่ง อาจเกิดมลพิษหากขยะลงสู่ทะเล กระทบท่องเที่ยวได้ ควรอนุญาตโรงงานไฟฟ้ากำจัดขยะแก้ตรงจุดกว่า - พบช่วงปี'57-58 เคยใช้งบจ้างเอกชนกำจัดขยะแล้วกว่า 36 ล้าน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ทบทวนโครงการขนย้ายขยะจากเกาะสมุย และเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 245,000 ตัน ไปฝังกลบบนฝั่ง จ.สุราษฎร์ธานี วงเงินประมาณ 381 ล้านบาท
นายวัชระ ระบุว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดงบประมาณ 381 ล้านบาท ให้ จ.สุราษฎร์ธานี จัดโครงการขนย้ายขยะ จำนวน 245,000 ตัน โดยแยกเป็นขยะจากเกาสมุย 2 แสนตัน และขยะจากเกาะเต่า 4.5 หมื่นตัน ไปฝังกลบบนฝั่ง จ.สุราษฎร์ธานีนั้น ต่อมาได้รับการร้องเรียนจากประชาชน จ.สุราษฎร์ธานีว่า โครงการนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดมลพิษ และกระทบต่อน้ำใต้ดิน การจัดทำโครงการนี้ควรได้รับการประชาพิจารณ์จากประชาชนก่อน และส่อว่าขัดรัฐธรรมนูญปี 2560 ทั้งนี้ควรระงับโครงการไว้ก่อน เพราะโดยหลักขยะเกิดที่ไหน ควรกำจัดขยะที่นั่น การย้ายขยะไปฝังกลบบนแผ่นดิน จ.สุราษฎร์ธานี ไม่ได้แก้ไขปัญหาแต่อย่างใด ขยะยังอยู่ไม่ได้ถูกกำจัดไป แต่งบประมาณแผ่นดินต้องสูญเสียไปถึง 381 ล้านบาท
นายวัชระ ระบุอีกว่า การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องควรให้ตั้งโรงไฟฟ้าจากขยะและปลอดมลพิษ ซึ่งมีเอกชนให้ความสนใจไปตั้งโรงไฟฟ้าโดยรัฐไม่ต้องเสียงบประมาณแต่ประการใด จึงขอทบทวนระงับการใช้งบประมาณ 381 ล้านบาท และหาวิธีกำจัดขยะในแนวทางที่ถูกต้อง และทางราชการได้ประโยชน์สูงสุด และประการสำคัญคือประชาชนชาวสุราษฎร์ธานี ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ก่อมลภาวะต่อไป (ดูหนังสือประกอบ)
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2560 นายวัชระ เพชรทอง ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า สาเหตุที่กระทรวงมหาดไทย อนุมัติงบในส่วนพัฒนาจังหวัด เพื่อให้ จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินการขนขยะจากเกาะสมุย และเกาะเต่า รวม 2.45 แสนตัน วงเงิน 381 ล้านบาท มาดำเนินการฝังกลบบนแผ่นดิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยยังไม่ทราบว่าจะฝังกลบที่อำเภอใด หรือแห่งใด เนื่องจากขยะบนเกาะ 2 แห่งนั้นล้น ที่ผ่านมาไม่มีการบริหารจัดการที่เพียงพอ อย่างไรก็ดีอาจไม่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้เกิดมลภาวะขึ้นมาอีกที่หนึ่ง และไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ หรือฟังเสียงประชาชน รวมถึงในขั้นตอนการขนย้ายที่ต้องลงเรือ หากเกิดอุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ หรืออะไรก็ตาม อาจทำให้ขยะจำนวนมากลงสู่ทะเล เป็นมลพิษแก่ท้องทะเล กระทบการท่องเที่ยว และแก้ไขได้ยากมากยิ่งขึ้น จึงอยากให้รัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ทบทวน และระงับการขนย้ายขยะดังกล่าว พร้อมกับเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะ ซึ่งแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนกว่า
“เข้าใจว่างบรัฐบาลเหลือเฟือที่อยากจะใช้อะไรก็ได้ แต่ไม่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ที่ควรทำคืออนุญาตให้เอกชนตั้งโรงงานไฟฟ้ากำจัดขยะ ในพื้นที่เกาะสมุย และเกาะเต่า เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างครบวงจร ไม่ต้องสุ่มเสี่ยงอาจเกิดมลพิษขึ้นที่อื่น หรือส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการท่องเที่ยว เพราะขยะที่นำมาเป็นขยะเก่า รวมถึงขยะจากโรงพยาบาลด้วย แต่การใช้งบประมาณแผ่นดินถึง 381 ล้านบาท ขนย้ายไปฝังกลบอีกที่หนึ่ง ทำให้เกิดปัญหาอีกที่หนึ่ง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า เท่าที่ทราบคร่าว ๆ ขณะนี้ มีการร่างขอบเขตของงาน (TOR) เพื่อเตรียมว่าจ้างเอกชนให้เข้ามาดำเนินการขนย้ายขยะดังกล่าวแล้ว
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐพบว่า เมื่อปี 2557-2558 เทศบาลเมืองเกาะสมุยได้ว่าจ้างเอกชนดำเนินการกำกจัดขยะมูลฝอย เก็บขยะ และขนขยะมูลฝอย รวม 2 ครั้ง รวมวงเงินทั้งสิ้นกว่า 36.8 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการจ้างเอกชนเผาขยะอีกหลายรายการ