ศาลอุทธรณ์ยืนสั่ง ‘เมีย’นายพล ชดใช้เงิน 44 ล.ปมร่วมกิจการห้องเย็นฯทัพเรือ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลจังหวัดพัทยาสั่ง ‘อังคณา อุณหกะ’ เมียนายพล นักธุรกิจเจ้าของร้านอาหาร ชดใช้เงิน 44 ล. คืนให้ 'กองทัพเรือ' หลังถูกฟ้องจ่ายเช็คเด้ง 12 ฉบับ ร่วมลงทุนกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ ช่วงปี 50-52
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2559 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาคดีที่กองทัพเรือ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางอังคณา อุณหกะ หรือ แสงเพ็ชร จำเลย ในคดีที่จำเลยเป็นเจ้าของร้าน K.O. ผักสด เข้าร่วมดำเนินการบริหารกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือ โดยให้กิจการห้องเย็น จ่ายเงินล่วงหน้าไปก่อน เมื่อมีผลกำไรแล้วให้มาชำระคืนภายหลัง แต่ทว่าเมื่อออกเงินล่วงหน้าไปแล้ว นางอังคณาได้จ่ายเช็คเด้งให้แก่กิจการห้องเย็น จำนวน 12 ฉบับ ทำให้ กิจการห้องเย็นได้รับความเสียหายกว่า 39.9 ล้านบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย รวม 44,093,406.23 บาท แก่กิจการห้องเย็น ทร. (คดีหมายเลขแดงที่ 2083/2559)
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า โจทก์ฟ้องสรุปว่า จำเลยเป็นเจ้าของร้าน เค โอ อ๊อด ผักสด สัตหีบ ทำความตกลงกับกิจการห้องเย็นของโจทก์ โดยจำเลยรับเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อและจัดส่งเสบียง สินค้าต่าง ๆ ให้แก่ราชการต่าง ๆ ที่เป็นลูกค้าของกิจการห้องเย็นและลูกค้ารายอื่น มีข้อตกลงให้โจทก์ทดรองจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าต่างๆ ให้แก่จำเลยก่อน และจำเลยจะต้องคืนเงินทุนพร้อมผลกำไรให้แก่กิจการห้องเย็น โดยจำเลยจัดซื้อและจัดส่งเสบียงตั้งแต่เดือนมี.ค.2550 ต่อมาในเดือน ต.ค.2552 สวัสดิการสัตหีบได้สั่งระงับการร่วมดำเนินกิจการ และพบว่าระหว่างเดือน เม.ย.2550-ก.ย.2552 ทร. โดยกิจการห้องเย็นได้จ่ายเงินให้แก่จำเลยไปแล้ว 13 ครั้ง ขณะที่ จำเลยได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ 12 ฉบับ แต่กิจการห้องเย็น ไม่สามารถเรียกเงินตามเช็คทั้ง 12 ฉบับได้เนื่องจากธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยให้เหตุผลว่า มีคำสั่งให้ระงับการจ่าย
คำฟ้องระบุว่า ครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2552 กิจการห้องเย็นของโจทก์ได้ออกเช็คธนาคารทหารไทย สั่งจ่ายเงินจำนวน 2,904,497 บาท ให้แก่จำเลย โดยจำเลยจะต้องชำระเงินลงทุนพร้อมผลประกอบการ (กำไร) รวมเป็นเงินจำนวน 3,035,250 บาท คืนแก่กิจการห้องเย็น ภายในวันที่ 14 ก.พ. 2553 แต่จำเลยไม่ได้นำเช็คมาส่งมอบเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ รวมเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระหนี้ทั้งสิ้น 39,985,303 บาท
ต่อมา จำเลยมีหนังสือขอผ่อนผัน เป็นเงินเดือนละ 500,000 บาท ระยะเวลา 5 ปี (60 เดือน) คิดเป็นเงิน 30 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะส่งคืนให้ทั้งหมดภายหลังส่งเงินทุนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจำเลยได้ชำระหนี้คืนเพียง 1,250,000 บาท และไม่ชำระหนี้อีกเลย
โจทก์ขอให้จำเลยชำระหนี้เงินต้น 39,985,303 บาท ดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้อง 5,358,103.23 บาท หักเงิน 1,250,000 บาท ที่จำเลยชำระไปแล้ว คงค้างดอกเบี้ย 4,108,103.23 บาท รวมเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวม 44,093,406.23 บาท กระทั่ง ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนข้างต้น
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า กรณีการให้เอกชนเข้าร่วมกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ ของคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือ เป็นเรื่องอื้อฉาวและตกเป็นในช่วงปี 2557 และนางอังคณาเป็นภรรยาของข้าราชการระดับพลตรีในกองทัพเรือ (รุ่นเดียวกับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของ ทร.) ทำให้ถูกตั้งคำถามว่ากระบวนการบริหารจัดการโปร่งใสหรือไม่ มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
กระบวนการสอบสวนกองทัพเรือได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาผู้รับผิดชอบในความผิดทางละเมิด และเอาผิดกับบุคคลที่กระทำการเข้าข่ายทุจริตและกล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 2 นายทหาร ระดับ พล.ร.ต. 1 นาย นาวาโท 1 นาย และเอกชน 1 รายคือ นางอังคณา แสงเพ็ชร ต่อมา กองทัพเรือมีคำสั่งทางปกครองให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 2 กลุ่ม รวม 14 คน ตามผลการพิจารณาของ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
ขณะที่ นายทหารที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางละเมิดและทางวินัยเกือบทั้งหมดเป็นนายทหารระดับล่าง ต่อมา นายทหารที่ถูกลงโทษได้ร้องเรียนว่า การให้เอกชนเข้ามาร่วมบริหารกิจการห้องเย็น เป็นนโยบายของข้าราชการผู้ใหญ่ในกองทัพเรือ และตัดสินใจในรูปขององคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ แต่เมื่อเกิดความเสียหาย กลับให้ข้าราชการะดับปฏิบัติเป็นผู้รับผิด ซึ่งไม่เป็นธรรม
อ่านประกอบ
ไทม์ไลน์!มหากาพย์ คดีห้องเย็น 39.9 ล. เอื้อเมียนายพล-เชือด พล.ร.อ. 14 ทหาร
เปิดคำสั่งลับ ป.ป.ช.สอบ 2 นายทหาร-เมียนายพล คดีเงิน 39.9 ล.-12 คน“ล่องหน”
14 นายทหาร-พลเรือเอก พันคดีเงิน“ห้องเย็น”39.9 ล.-ส่ง ป.ป.ช.สอบแค่ 2 คน
เปิดเช็ค 12 ฉบับ 36.9 ล. ชนวนเชือด 14 นายทหาร-พล.ร.อ.คดีเงิน“ห้องเย็น”ทร.
ฟ้องแหลกบิ๊ก ทร.คดียกกิจการห้องเย็นให้เอกชนบริหารสูญ 39.9 ล. โยนผิดลูกน้อง