ราชกิจจาฯ เผยแพร่คำสั่ง คสช. ขับเคลื่อนอีอีซี- ตั้ง คชก. ศึกษาอีไอเอ ให้เสร็จใน 1 ปี
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่ง คสช.ขับเคลื่อนอีอีซี ให้อำนาจ คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตั้ง คชก. พิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องทำให้เสร็จใน 1 ปี
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 28/2560 เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก มีรายละเอียดว่า
เพื่อให้การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor:EEC) ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2560 เรื่อง การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ลงวันที่ 17 มกราคม พุทธศักราช 2560 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ประกอบกับข้อ 13 ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2560 เรื่อง การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก ลงวันที่ 17 มกราคม พุทธศักราช 2560 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยข้อเสนอแนะของนายกรัฐมนตรี จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 12/1 ข้อ 12/2 และข้อ 12/3 ของคําสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2560 เรื่อง การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ลงวันที่ 17 มกราคม พุทธศักราช 2560
“ข้อ 12/1 การดําเนินโครงการหรือกิจการใดภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก บรรดาที่ต้องดําเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน หรือชุมชน ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชํานาญการ (คชก.) เพื่อพิจารณารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( Environmental Impact Assessment:EIA) ของโครงการหรือกิจการนั้นเป็นการเฉพาะ กับให้มีอํานาจกําหนดหลักเกณฑ์ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษเพิ่มเติมจาก สกรศ. หรือผู้ขออนุญาต แล้วแต่กรณี เพื่อนําไปจ่าย เป็นค่าตอบแทนพิเศษแก่คณะกรรมการผู้ชํานาญการตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกําหนด
ในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้รับรายงานที่ถูกต้องครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในกรณีที่ไม่มีผู้ชํานาญการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมสําหรับโครงการหรือกิจกรรมใด หรือ มีแต่น้อยกว่าสามราย ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีหน้าที่อนุญาตให้มีผู้ชํานาญการศึกษา ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นโดยเร็ว โดยมิให้นําความในมาตรา 51วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาใช้บังคับ และในโครงการหรือกิจกรรม ที่มีวงเงินดําเนินการเกินหนึ่งพันล้านบาท คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติจะอนุญาตให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทย ที่มีประสบการณ์และผลงานด้านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีลักษณะทํานองเดียวกับโครงการ หรือกิจกรรมนั้นในต่างประเทศ เป็นผู้ชํานาญการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็ได้
ข้อ 12/2 เพื่อให้การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้คณะกรรมการนโยบายประกาศกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการ ร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน โดยครอบคลุมการเสนอโครงการ การดําเนินโครงการ การกํากับดูแลและติดตามผลการดําเนินการ การแก้ไขหรือยกเลิกสัญญา การทําสัญญาใหม่ การกําหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ การสนับสนุนเอกชน การใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุรวมทั้ง ที่ดินที่อยู่ในความครอบครองดูแลของหน่วยงานของรัฐในเขตส่งเสริม และการอื่นใดอันจําเป็น บรรดาที่เกี่ยวกับการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
ทั้งนี้ โดยคํานึงถึงหลักการความเป็น หุ้นส่วนระหว่างรัฐกับเอกชน หลักการเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีมาตรการป้องกันการทุจริต ทุกขั้นตอน
ประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้กําหนดด้วยว่าจะให้ใช้กับโครงการใด หรือโครงการประเภทหรือลักษณะใด และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
การร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนตามประกาศที่ออกตามความในข้อนี้ให้ถือว่าการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือการให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนนั้นได้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชน ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐแล้ว
ข้อ 12/3 มิให้นํามาตรา 41/23 มาตรา 41/33 และมาตรา 41/95 แห่งพระราชบัญญัติ การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 มาใช้บังคับแก่ผู้ขอรับใบอนุญาตผลิตอากาศยาน ผู้ขอรับใบอนุญาตผลิตส่วนประกอบสําคัญของอากาศยาน และผู้ขอรับใบรับรองหน่วยซ่อม ซึ่งประกอบกิจการในเขตส่งเสริม แต่ผู้ขอรับใบอนุญาตผลิตอากาศยาน ผู้ขอรับใบอนุญาตผลิตส่วนประกอบสําคัญของอากาศยาน และผู้ขอรับใบรับรองหน่วยซ่อม ซึ่งประกอบกิจการ ในเขตส่งเสริมต้องมีคุณสมบัติตามที่เลขาธิการกําหนดโดยความเห็นชอบของผู้อํานวยการสํานักงาน การบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วยการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย”
ข้อ2 ในกรณีที่เห็นสมควร นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอคณะรักษาความสงบ แห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ 3 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2560
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาต
อ่านประกอบ:บุญเก่าใกล้หมด ‘กอบศักดิ์’ เผยรัฐดัน EEC สร้างบุญใหม่-ทุกโครงการต้องผ่านอีไอเอ
โชติช่วงชัชวาล EEC : ยุทธศาสตร์ 1.5 ล้านล้าน ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก
ก.อุตฯ เตรียมตั้ง คกก.เฉพาะกิจ EEC ศึกษาความเป็นไปได้ ถมทะเล-เวนคืนที่ดิน
เลขาธิการ EEC เร่งกรมชลฯ วางแผนจัดการน้ำ-ยันช่วงขยายตัว 5 ปีแรก ไม่กระทบ
ฟังมุมมอง ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ ให้ต่างชาติ “เช่ายาว 99 ปี” ขณะคนในชาติไม่มีที่ดินทำกิน