โรคระบาดในหมู่นักบริหาร...ยุคโดเรมอน
"แอกเกาบอดี้ส์" สะกดว่า "AgAu bodies" คือชิ้นส่วนพันธุกรรมที่โดเรมอนได้ใช้ของวิเศษของเค้าสกัดจากเซลล์ต่างๆ ในสิ่งส่งตรวจที่สายสืบโดเรมีส่งมาให้ หลังจากที่ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการลักลอบเก็บตัวอย่างเส้นผมจากที่นอน ปัสสาวะและอุจจาระจากบ่อเกรอะ ตลอดจนคราบน้ำลายจากช้อนส้อม ที่นักบริหารหน่วยงาน Ministry of Hell ซึ่งมีหน้าที่จัดบริการสุขภาพให้แก่คนในโลกอนาคต
เหตุผลกลใดที่ทั้งสอง "โด" จึงต้องทำ?
ถ้าไม่ไปอยู่ในโลกอนาคตคงยากนักที่จะล่วงรู้เหตุผล...
โนบิตะคิดได้ดังนั้น จึงไม่รีรอที่จะเข้าไปในลิ้นชักโต๊ะในห้องของตัวเอง ทั้งนี้เพราะโดเรมอนมัวแต่คร่ำเคร่งทำการสกัด AgAu bodies มานานหลายเดือนโดยไม่ยอมควักของวิเศษใดๆ มาช่วยเลย แถมพูดกันน้อยมาก แม้จะซื้อโดรายากิของโปรดมาให้ก็ไม่กินแม้แต่น้อย...แสดงว่าต้องเครียดจัดจริงๆ อยู่กันมาหลายปีดีดักก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้
ไทม์แมชชีนพาโนบิตะไปยังโลกอนาคต โลกที่ทั้งสอง "โด" ถูกสร้างขึ้น
โนบิตะรับรู้ถึงความประหลาดของโลกอนาคต...มันไม่ได้สวยงามดังที่เขาเคยจินตนาการไว้ ไม่ได้มีตึกรามบ้านช่องที่เลศหรูอลังการทุกแห่งหน
เดินไปได้สักพัก เห็นโรงพยาบาลรัฐ โนบิตะลองเดินเข้าไปสำรวจ หวังใจว่าจะดูลาดเลา เก็บรายละเอียดไว้เผื่อต้องพาโดเรมอนมารับการดูแลรักษาอาการเครียด แต่กลับเห็นคนที่หน้าตาหมองคล้ำ ขอบตาดำเป็นแพนด้ามากมาย ถามดูก็พบว่าเป็นเหล่าบุคลากรสุขภาพของรัฐ
หลายคนบอกโนบิตะว่า เค้าเพิ่งสูญเสียทั้งเพื่อน ทั้งรุ่นน้องไปหลายคนในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
สองคนล่าสุดนั้นมีทั้งหมอที่ติดเชื้อวัณโรคดื้อยาจากการที่ทุ่มเทปฏิบัติงานดูแลรักษาผู้ป่วย อีกคนเป็นหมอรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบมาไม่นาน มุ่งมั่นทุ่มเทดูแลประชาชนอย่างมาก แต่สุดท้ายกลับเสียชีวิตจากการติดเชื้อในปอดเช่นกัน
ความเศร้าเสียใจนั้นสะสมต่อเนื่อง และเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ เพราะก่อนหน้านี้สังคมโลกอนาคตก็เพิ่งรับรู้รับทราบปัญหาหลายเรื่อง ทั้งปัญหาคุณภาพชีวิต เงินเดือนบุคลากรค้างจ่ายเป็นปี ภาระงานที่มากเกินกว่าจำนวนบุคลากรสุขภาพที่มีอยู่ในโรงพยาบาลจนต้องควบเวร หรือหลายคนทำงานติดต่อกันหลายวัน มากเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาพึงกระทำ แต่ก็ยังมุ่งมั่นทำด้วยจิตใจที่เมตตากรุณาหวังช่วยเหลือผู้ป่วยและประชาชน
ข่าวตูมตามที่เพิ่งแพร่กันทั่วโลกอนาคตคือ การประสบเหตุการณ์รุนแรง ทำร้ายร่างกาย โดยปราศจากระบบรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
เชื่อไหมว่าทุกครั้งเหล่านักบริหาร Ministry of Hell ก็จะรีบออกสื่อ เพื่อแสดงตัว ยื่นหน้าขาวผ่อง ยืดอก ตะโกนดังๆ ว่า "ทุกอย่างไม่มีปัญหา จัดการได้หมดแล้ว"..."ขอให้เชื่อใจ"
แต่ละครั้งคนทำงานก็เห็นพวกนี้ออกสื่อแล้วก็ได้แต่ปลง คิดในใจว่าช่างพูดได้นะ
โนบิตะเชื่อไหมว่า ฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง หลังจากกรณีบุคลากรเสียชีวิตรายล่าสุด พวกนี้ออกมาให้ข่าวแข็งขันว่า ไม่มีใครทำงานเกิน 24 ชั่วโมง หมอที่ตายนั้นรับเวรเยอะ เพราะจะหาเงินไปเรียนเฉพาะทาง!!!
ใจคอทำด้วยอะไรวะ?...พวกฉันอยากถามคนกลุ่มนี้จริงๆ
นี่หรือคือสิ่งที่เหล่านักบริหารพึงกระทำต่อลูกน้อง?
และนี่หรือคือสิ่งที่ "มนุษย์" พึงกระทำในยามสูญเสียชีวิตบุคลากรที่มุ่งมั่นทุ่มเททำงานดูแลประชาชน?
โนบิตะ...เธอรู้ไหมว่าการบริหารระบบ บริหารองค์กร บริหารบ้านเมืองที่ดีนั้น จำเป็นต้องตั้งบนเมตตาธรรม คุณธรรม จริยธรรม
ภาษาหรูๆ ที่เรามักได้ยินพวกเหล่านักบริหารชอบบลัฟกันคือ การมี "ธรรมาภิบาล"
UNDP ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในสหประชาชาตินั้นเคยเสนอไว้ว่า การจะเรียกตนเองว่าปกครองหรือบริหารอย่างมีธรรมาภิบาลนั้น ควรมีทั้งเรื่องความโปร่งใส การตรวจสอบได้ การบริหารโดยเปิดให้เกิดการมีส่วนร่วม การปฏิบัติตามกฎหมาย การพิจารณาเรื่องประสิทธิภาพและความคุ้มค่า การบริหารโดยมุ่งให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และอีกข้อที่สำคัญมากคือ การตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
ยุคอนาคตที่เธอนั่งไทม์แมชชีนมาตอนนี้ เป็นยุคที่เราเหล่าคนทำงานมองว่าเป็น "ยุคเสื่อม" นะโนบิตะ
เหล่านักบริหารมิได้ครั่นคร้ามต่อเสียงวิจารณ์และเสียงเรียกร้องใดๆ เพราะพวกเค้าถือว่ามีอำนาจจากปลายกระบอกปืน ที่มุ่งเน้นการบริหารแบบรวมศูนย์ เอาตามใจตนเอง และไม่ได้แสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเพียงพอ
โนบิตะเธอรู้ไหมว่าโดเรมอนและโดเรมีได้รู้เรื่องเหล่านี้มานาน จึงคิดอยากจะไปเปลี่ยนโลกอดีตของเธอ เพื่อป้องกันไม่ให้มีนักบริหารแบบนี้ เพียงแต่ตอนนั้นเราคิดว่าความโหดร้ายเหล่านั้นน่าจะแก้ไขผ่านการอบรมบ่มนิสัยและให้ความรู้
แต่เราคิดผิด หลายเดือนที่ผ่านมา โดเรมอนได้วิจัยแล้วพบว่าเกิดจากชิ้นส่วนพันธุกรรม ที่เรียกว่า "แอกเกาบอดี้ส์ (AgAu bodies)"
เราคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องทำให้สายพันธุ์ไร้ธรรมาภิบาลดังกล่าวหายไปด้วยการรอให้หมดอายุขัยตามธรรมชาติ
"โนบิตะ...เธอมีวิธีอื่นไหม?"
นี่คือประโยคสุดท้ายที่โนบิตะได้ยิน ก่อนที่จะตัดสินใจนั่งไทม์แมชชีนกลับสู่โลกของตน...
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก http://oknation.nationtv.tv/blog