พช. ฉลองกลุ่มออมทรัพย์ 4 ทศวรรษ แนะออมเงินสร้างภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจชาติ
กรมพัฒนาชุมชนฉลองกลุ่มออมทรัพย์ฯ ครบ 38 ปี พอใจผลเงินสะสมโครงการ 2.5 หมื่นล้าน “พิสันต์” วิพากษ์กองทุนหมู่บ้าน-เศรษฐกิจชุมชน ไม่แก้ปัญหายั่งยืน หวั่นสร้างหนี้ไม่สิ้นสุด แนะส่งเสริมคนในชาติรู้จักออมก่อนเศรษฐกิจพัง
เร็ว ๆ นี้ กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย แถลงข่าวจัดงาน “6 มี.ค. วันก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต และ 6-8 มี.ค. สัปดาห์รณรงค์การประหยัดและการออม” ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายพิสันติ์ ประทานชวโน รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตเป็นโครงการฝึกฝนให้เกิดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อส่วนรวม ทั้งยังช่วยให้ชุมชนมีแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ ลดการพึ่งพิงแหล่งทุนภายนอก การก่อหนี้นอกระบบ รวมถึงฝึกฝนคนให้มีความอดทน สัจจะ และระเบียบการใช้เงิน อาศัยหลัก 4 ด้าน ได้แก่ 1.ความรู้สึกเป็นเจ้าของ 2.การพึ่งตนเอง 3.มีหลักคุณธรรม และ4.หลักการควบคุมกันเอง
ผลที่ตามมาจากการมีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต คือ คนมีศักยภาพคุณธรรม พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน สังคม และแก้ไขปัญหาความยากจนยั่งยืน ซึ่งเกิดจากการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนในชุมชน ซึ่งมิใช่ธุรกิจการค้าหากำไร เป็นเพียงการสะสมเงินและกู้ยืมระหว่างกันของสมาชิก โดยคิดดอกเบี้ยถูกที่สุด แต่มิใช่กองบุญที่เอาเงินทุนไปให้ทานหรือรับเงินทานมาทำทุน
นายพิสันติ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่พบในขณะนี้ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกกู้เงินกลุ่มออมทรัพย์ฯ ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของพช. ที่มุ่งเน้นช่วยเหลือการประกอบอาชีพและพัฒนาด้านเกษตรเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะนำเงินใช้หนี้ ท่องเที่ยว จึงได้สั่งการกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจในรูปแบบโรงเรียนกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 8 แห่งใน 4 ภูมิภาค
“กลุ่มออมทรัพย์ฯ เป็นสถาบันทางสังคมที่ชุมชนจัดการกันเอง โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุน แต่มิได้กำกับ จะเห็นว่าเป็นกองทุนเงินชุมชนแท้จริง สามารถนำผลงอกเงยทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนได้ ผิดกับโครงการกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาทหรือเศรษฐกิจชุมชน 1 แสนบาท ที่กู้ยืมเงินแล้วสุดท้ายต้องนำเงินนั้นคืนแก่รัฐบาล โดยไม่ได้ฝึกฝนการจัดการแบบยั่งยืน หากแต่สร้างหนี้ผูกพันให้ชาวบ้านมากขึ้น” รองอธิบดีพช.กล่าว
ด้านนายสวัสดิ์ ขำตรี ประธานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ปัจจุบันมีหลายพื้นที่ประสบปัญหาสมาชิกกู้เงินเพื่อใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์และไม่ใช้หนี้ค้างชำระ แต่กลุ่มออมทรัพย์ดังกล่าวสามารถบริหารงานต่อได้ เนื่องจากกรรมการต่างประนีประนอมและไว้วางใจซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะหาแนวทางผ่อนปรนการใช้เงิน เพราะเราเป็นสถาบันสังคมมิใช่ระบบทุนที่ต้องมีกฎหมายบังคับ
“อนาคตเชื่อว่าไทยต้องประสบภาวะทางเศรษฐกิจ จึงวิงวอนให้ทุกคนรู้จักการออมตั้งแต่ระดับตนเอง ครอบครัว ชุมชน ตลอดจนประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านการเงิน ที่สำคัญผู้ปกครองควรใส่ใจอบรมเด็กรุ่นใหม่ให้รักการออมด้วย” นายสวัสดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตแห่งแรก จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2517 ที่บ้านขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ และบ้านในเมือง ต.ละงู อ.ละงู จ.สะตูล ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 34,530 กลุ่ม มีสมาชิก 4,506,411 คน มีเงินสัจจะสะสมทั้งสิ้น 25,247,736,106 บาท มีหลายกิจกรรม อาทิ การประกันสุขภาพ ทุนการศึกษา ทุนค่ารักษาพยาบาล ฌาปนสงเคราะห์ ทุนสาธารณภัย โรงสีข้าวชุมชน ฯลฯ.