"ดีเอสไอ" ออกหมายเรียก “อนันต์ อัศวโภคิน” รับทราบข้อหาฟอกเงิน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายเรียก อนันต์ อัศวโภคิน รับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน ยันมีพยานหลักฐาน โยงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
วันที่ 17 พ.ค.2560 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียก นายอนันต์ อัศวโภคิน รับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน
ตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตภายในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ความเสียหายรวมประมาณ 13,000 ล้านบาท เป็นคดีพิเศษ และนำไปสู่การสอบสวนขยายผลถึงขบวนการฉ้อโกงประชาชน รับของโจร และความผิดฐานฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิดในเรื่องดังกล่าวจำนวนหลายคดีแล้ว นั้น
ในการสอบสวนดำเนินคดีอาญาในคดีพิเศษที่ 99/2558 กรณีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กับพวก ได้ร่วมกันดำเนินการนำเงินของสหกรณ์ฯ ที่ได้มาจากการฉ้อโกงประชาชนออกจากสหกรณ์ โดยวิธีการที่ผิดระเบียบ ข้อบังคับ และวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ฯ ด้วยการสั่งจ่ายเป็นเช็คของสหกรณ์ฯ จำนวนหลายฉบับอันมีพยานหลักฐานเพียงพอดำเนินคดีในความผิดฐาน “สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” ตามมาตรา 5, มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและสรุปสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายศุภชัยฯ กับพวกในความผิด ตามตัวกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้ว
จากการสอบสวนคดีดังกล่าว ยังพบอีกว่า นายศุภชัยฯ ได้สั่งจ่ายเช็คหลายฉบับจำนวนรวมประมาณ 275 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อหุ้นทั้งหมด (TAKE OVER) ของบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด และเป็นส่วนหนึ่งของค่าซื้อทรัพย์สินที่เป็นที่ดินของบริษัทจำนวน 3 แปลง โดยในจำนวนดังกล่าวมีที่ดินตามโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางวา ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี บริเวณใกล้เคียงวัดพระธรรมกาย รวมอยู่ด้วย โดยซื้อในนามสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนายศุภชัยฯ ได้ส่งคนของตนเองไปเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวและมีหนังสือกำหนดให้การบริหารจัดการบริษัทฯ อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งนายศุภชัยฯ ควบคุมดูแล
ต่อมาวันที่ 21 ธันวาคม 2554 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้นำที่ดินของบริษัทฯ ไปขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ โดยที่ดินตามโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางวา ได้มีมติขายให้ นายอนันต์ อัศวโภคิน ซึ่งได้ทำสัญญาซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดินอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ภายหลังจากที่คณะกรรมการมีมติเพียง 2 วัน ในราคาไร่ละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 93,781,000 บาท ซึ่งราคาประเมินที่ดินขณะนั้นราคาตารางวาละหนึ่งหมื่นห้าพันบาท คิดเป็นราคาที่ดิน ประมาณ 281 ล้านบาท มีความแตกต่างและต่ำกว่าราคาประเมินถึง 3 เท่า อันทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย และไม่ปรากฏหลักฐานการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด แต่อย่างใด
ต่อมา นายอนันต์ฯ ได้ขายที่ดินแปลงนี้ต่อให้บุคคลอื่นในราคา 492 ล้านบาทเศษ โดยนายอนันต์ฯ ได้นำเงินที่ได้จากการขาย จำนวนประมาณ 303 ล้านบาท บริจาคให้กับมูลนิธิคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งมีพระธัมมชโย เป็นองค์อุปถัมภ์ ซึ่งมูลนิธิดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ในบริเวณมูลนิธิวัดพระธรรมกาย รวมถึงอาคารบุญรักษาด้วย นอกจากนั้น คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังพบหลักฐานสำคัญ ว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ได้ทำหนังสือฉบับ ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2554 อันเป็นวันเดียวกันกับวันที่ไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินฯ แสดงเจตนาถวายที่ดินโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตารางวาตั้งอยู่ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ของบริษัทเอ็มโฮมฯ ให้กับพระธัมมชโย โดยนายศุภชัยฯ จะเป็นผู้จัดซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวและถวายให้พระธัมมชโยโดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนามนายอนันต์ อัศวโภคิน ซึ่งพระธัมมชโยมอบหมายให้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน โดยมีแต่ลายมือชื่อของผู้อื่นในเอกสาร แต่นายศุภชัยฯ ไม่ได้ลงชื่อ และไม่มีการดำเนินการตามหนังสือฉบับดังกล่าว โดยเป็นการดำเนินการผ่านการขายให้นายอนันต์ฯ แทน
กรณีดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรว่าอาจเป็นความผิดฐาน “สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” ตามมาตรา 5, มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จึงแยกการสอบสวนเป็นอีกคดีหนึ่ง ตามคดีพิเศษที่ 10/2560 และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการได้มีมติร่วมกันให้เรียกตัว นายอนันต์ อัศวโภคิน มารับทราบข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป