รัฐบาลกำลังต่อสู้กับคอร์รัปชัน เพียงเพื่อวันนี้หรือเพื่ออนาคต?
มีเรื่องน่าเป็นห่วงว่า..
1. ไม่เคยมี "คณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน" เลย ทั้งใน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จนเมื่อมีการทักท้วงและเรียกร้องจึงตั้ง “คณะกรรมาธิการวิสามัญ” ขึ้นมาทำหน้าที่นี้และมีผลงานที่เป็นรูปธรรมหลายประการต่อมา แม้จะมีสถานะแบบเฉพาะกิจและมีข้อจำกัดหลายอย่าง
2. จะไม่มี “คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ” ตาม “ร่าง พ.ร.บ. แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ....” ที่จะประกาศใช้เร็วๆ นี้ อีกเช่นกัน ทั้งๆ ที่ทราบกันดีว่า คณะกรรมการชุดนี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายในการติดตามและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศไปอีก 20 ปีจากนี้
รัฐธรรมนูญฯ ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 35 (3)(4)(5)(6) ที่ประกาศใช้หลังการรัฐประหาร รวมถึง "นโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อ 12 กันยายน 2557 ก็เขียนไว้สอดคล้องกันว่า รัฐบาลจะสร้างกลไกในการกํากับและควบคุมให้การใช้อํานาจรัฐและขจัดคอร์รัปชัน
นั่นหมายถึงทุกคนยอมรับร่วมกันว่า คอร์รัปชันกำลังเป็นปัญหาวิกฤติของชาติที่บ่อนทำลายการพัฒนา สร้างปัญหาความไม่เท่าเทียมและความขัดแย้งในสังคม คอร์รัปชันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจในการแก้ไขอย่างทุ่มเทและต่อเนื่อง
ดังนั้น ถ้าจะมีกฎหมายยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศ 20 ปีกันจริงๆ ก็ควรต้องมี “คณะกรรมการด้านการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ” ด้วย
รัฐบาลนี้มีผลงานการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้ดีระดับหนึ่งแล้ว เกรงแต่วันข้างหน้าจะถูกประชาชนตำหนิติเตียนว่า ทำแต่เรื่องหวังผลเฉพาะหน้า แต่ไม่ใส่ใจที่จะแก้ปัญหาระยะยาว คำว่า "การต่อต้านคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ" ก็จะกลายเป็นวาทะกรรมไร้ค่าได้ครับ
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก www.siangtai.com
