กรมพัฒนาชุมชน สร้างนักธุรกิจโอท็อปรุ่นใหม่ เน้นเอกลักษณ์ท้องถิ่น-ทันโลก
กรมพัฒนาชุมชนหนุนสร้างนักธุรกิจโอท็อปไทย “กิตติรัตน์”เผยรัฐบาลพร้อมช่วยทั้งทุน-การตลาด-ความรู้ ภาคธุรกิจแนะใช้โลกไซเบอร์เป็นเครื่องมือ-สร้างสินค้าปราณีต-ขายไอเดีย
วันที่ 23 ก.พ.55 กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดโครงการสร้างนักธุรกิจโอทอป ภายใต้แนวคิด “สร้างมิติใหม่ แบ่งปันโอกาส...นักธุรกิจหัวใจโอท็อป ไทยใจสู้” ในงานศิลปาชีพประทีปไทย โอทอปก้าวไกล ด้วยพระบารมี ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของคนไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ และหนึ่งในนโยบายคือโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอท็อป)ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เกิดขึ้น 86,000ผลิตภัณฑ์ กลุ่มผู้ผลิตสินค้าทั้งแบบรายเดียวและชุมชน 36,000 กลุ่ม สร้างรายได้กับประเทศ 570,000 ล้านบาท และมีบางผลิตภัณฑ์ถูกยกระดับเป็นผลงาน 5 ดาว ส่งขายสู่ตลาดต่างประเทศ
“ขณะนี้ผู้ประกอบการยังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล ภายหลังเกิดปัญหาตลาดรองรับสินค้าไม่เพียงพอ ขาดแคลนแรงงานเชี่ยวชาญ และขาดปัจจัยหมุนเวียน จนบางรายต้องเลิกกิจการไป”
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลจึงได้ริเริ่มโครงการสร้างนักธุรกิจโอท็อป เพราะเห็นความสำคัญในการสร้างเสริมทักษะนักธุรกิจที่ต้องพึ่งพาตนเองให้สามารถต่อยอดธุรกิจในอนาคต ด้วยความรู้ด้านการพัฒนากระบวนการผลิต สร้างความโดดเด่นเฉพาะตัวของสินค้า สร้างช่องทางและส่งเสริมการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ อุดหนุนการบริโภคภาคประชาชนและธุรกิจผ่านการช่วยเหลือของเอกชน
ด้านนายประภาศ บุญยินดี อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่าปัจจุบันผู้ประกอบการต้องการความช่วยเหลือด้านการผลิต แหล่งเงินทุน ช่องทางการจำหน่าย โดยชุมชนต้องการส่งเสริมพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ในปีนี้กรมการพัฒนาชุมชนนำระบบออนไลน์เข้ามาติดต่อสื่อสารระหว่างสมาชิก เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันของผู้ประกอบการและเป็นช่องทางตลาดที่สำคัญ ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนใช้ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน 3ข้อ ได้แก่ 1.สร้างและพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้เติบโตและยั่งยืน 2.สนับสนุนปัจจัยเอื้อต่อการประกอบธุรกิจชุมชน และ3.พัฒนาบริหารจัดการประสิทธิภาพธุรกิจชุมชน
ดร.บุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท ไอ ซี ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบการโอท็อปต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติใหม่ โดยเรียนรู้ด้านการตลาดและใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือ นอกจากนี้ต้องมีแนวคิดที่จะขยายธุรกิจตลอดเวลาผ่านงานที่มีความละเอียดและสร้างสรรค์มากขึ้น
นายกษิดิศ เจริญชลวานิช ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ทิปโก้ แอสฟัลท์ จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องแสดงศักยภาพทางการตลาด เพื่อผลักดันสินค้าสู่เวทีโลก โดยเฉพาะรองรับการเปิดการค้าเสรีอาเซียน (เออีซี)เพราะหากมีตลาดที่ดี เงินทุนจากกลุ่มเอกชนและภาครัฐจะเข้าอุ้มธุรกิจให้อยู่ได้ยั่งยืน แต่ต้องตั้งอยู่ในเงื่อนไขผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์และประณีต จะได้เป็นจุดขายสินค้าไทยได้
“ส่วนภาครัฐไม่ควรมองแต่ภาพกว้างของการบริหารธุรกิจโอท็อป แต่ควรมองให้ลึกถึงภาคชุมชน เพราะหากชุมชนมีความรู้ทางการตลาดและเทคนิคต่าง ๆ น้อย ความสำเร็จของธุรกิจระดับชาติจะเติบโตได้ยาก และคงไม่ต้องคาดหวังในเวทีเออีซีที่ไทยประกาศจะเป็นผู้นำในหลายด้านเลย” นายกษิดิศกล่าว.